ต่างชาติเทขายหุ้น-บอนด์ หนุนบาทอ่อน หวั่นโควิดสายพันธุ์โอไมครอน

ต่างชาติแห่เทขายบอนด์ ทำค่าเงินบาทอ่อน

ธนาคารกรุงไทย ประเมินเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าในกรอบ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ จับตาโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” หนุนนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น-บอนด์ต่อเนื่อง

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 29 พฤศจิกายน -3 ธันวาคม 64) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.30-34.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักที่หนุนให้เงินบาทอ่อนค่า จะเป็นการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” ซึ่งอาจมีผลต่อภาคการท่องเที่ยว ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในกลุ่มโรงแรม สายการบิน หรือที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ส่งผลต่อให้เงินบาทอ่อนค่าได้

โดยสัญญาณเทขายยังคงมีต่อเนื่องภายในต้นสัปดาห์ เพื่อรอดูสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ก่อนจะกลับเข้ามาหากดัชนีตลาดหุ้นอยู่ใกล้ระดับ 1,600 จุด รวมถึงปัจจัยราคาทองคำอาจเห็นการกลับมาจากประเด็นโควิด-19 อีกครั้ง โดยราคาจะขึ้นไปแตะ 1,820-1,830 ดอลลาร์ต่ออออซ์ ซึ่งจะช่วยแคปการอ่อนค่าของเงินบาทได้

ขณะที่ประเด็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามจะเป็น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ โดยตัวเลขที่ออกมาจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทั้งในส่วนของการลดการเข้าซื้อพันธบัตรผ่านมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ (QE) หรือการขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงตัวเลขอัตราการว่างงานของคนผิวสี โดยจะพิจารณาว่ามีคนกลับเข้ามาทำงานทั้งหมดเท่าไร ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกว่าถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในส่วนของยุโรปจะมีแนวโน้มเลวร้ายขนาดใด

“พอยท์สำคัญอยู่ที่โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่และตัวเลขการ Non Farm Payroll ของสหรัฐฯ โดยมองเงินบาทมีความเสี่ยงอ่อนค่าได้ต่อ ซึ่งหากผ่านแนวต้านที่ระดับ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ อาจเห็นเงินบาทมีโอกาสไปแตะที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้ เนื่องจากระยะสั้นตลาดยังไม่รู้ว่าโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่มีความน่ากลัวขนาดไหน ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดผันผวนค่อนข้างหนักจากที่มีเงินไหลเข้ามากว่า 1 หมื่นล้านบาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถอยกลับหมด เราไม่เคยเห็นเงินบาทปรับเพิ่มขึ้น 0.50 สตางค์ภายในสัปดาห์เดียว”

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านจะพบว่า ตลาดหุ้นขายสุทธิ 3,000 ล้านบาท และตลาดพันธบัตร (บอนด์) ขายสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับเงินบาทที่อ่อนค่า โดยในสัปดาห์หน้ายังคงเห็นฟันด์โฟลว์ไหลออกอยู่ เนื่องจากนักลงทุนต้องการเห็นเหตุการณ์ให้ชัดเจนก่อน อย่างไรก็ดี คาดว่าตลาดหุ้นน่าจะกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว เพราะไทยมีระบบการจัดการและควบคุมได้ค่อนข้างดี