การประชุมธนาคารกลาง ก.ค. กระทบต่อราคาทองคำ

คอลัมน์ สถานีลงทุน

โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot) เริ่มฟื้นตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากลดลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์และทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือนที่ 1,204 ดอลลาร์/ออนซ์

ทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลายประเด็น ประเด็นแรกการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส

ซึ่งประธานเฟดแถลงว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.4% ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการปรับลดงบดุลจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน

ประเด็นที่ 2 การเปิดเผยรายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจทั่วทุกภูมิภาคของสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยถึงปานกลาง

ประเด็นสุดท้ายคือตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐเดือนมิถุนายนทรงตัวและยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนมิถุนายนลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2

สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ การประชุมของธนาคารกลางชั้นนำต่าง ๆ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางยุโรปและการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 20 กรกฎาคม การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 กรกฎาคม คาดการณ์ธนาคารกลางทั้ง 3 แห่งจะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมรอบนี้

ที่น่าสนใจคือการแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรปหลังการประชุมที่คาดส่งสัญญาณเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินในอนาคต โดยคาดจะมีการปรับลดขนาดวงเงินมาตรการ QE เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปที่เติบโตดีขึ้น ซึ่งจะทำให้เงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ส่วนการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 กรกฎาคม คาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 1.00-1.25% ซึ่งเมื่อดูข้อมูลจาก CME Group ตลาดคาดว่ามีโอกาสเพียง 3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม 2560 นี้

ส่วนประเด็นการเมืองสหรัฐคาดว่าจะมีผลต่อตลาดการเงินและตลาดทองคำเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเป็นครั้งแรก

ในวันชาติสหรัฐ ล่าสุดเกาหลีใต้ได้เสนอให้จัดการเจรจาด้านการทหารกับเกาหลีเหนือเพื่อลดความตึงเครียดในบริเวณชายแดน ประเด็นรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากลูกชายคนโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยอีเมล์ที่ระบุว่า ได้รับข้อเสนอเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวของนางฮิลลารี คลินตัน จากรัสเซีย การลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพ (อเมริกาเฮลธ์แคร์) การปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งประเด็นการผลักดันนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจ หลังจากที่ยังไม่สามารถผลักดันนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ผลสำรวจล่าสุดเปิดเผยว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลดลงแตะระดับ 36% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม และเป็นคะแนนนิยมของประธานาธิบดีสหรัฐที่ต่ำที่สุดในรอบ 70 ปี

ซึ่งประเด็นการเมืองสหรัฐจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในบางช่วงและมีแรงซื้อทองคำกลับเข้ามา

ราคาทองแท่งในประเทศได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าสุดในรอบ 2 ปี จากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในรอบหลายเดือนและเงินไหลเข้าในตลาดตราสารหนี้ของไทย ทำให้ราคาทองแท่งในประเทศค่อนข้างทรงตัว ถึงแม้ว่าราคาทองต่างประเทศ ปรับขึ้นก็ตาม

แนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ ในกรณีที่ราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 1,230 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ตลอด เนื่องจากเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ถือเป็นแนวรับแนวต้านที่มีนัยสำคัญ

ทองคำจะมีแนวต้านสำคัญที่ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่มีแนวรับสำคัญ 1,200-1,205 ดอลลาร์/ออนซ์ กลยุทธ์การลงทุนในทองแท่ง แนะนำแบ่งขายทำกำไรบางส่วนและบางส่วนอาจใช้กลยุทธ์ Let Profit Run เพื่อรอขายทำกำไรที่ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ทยอยสะสมเมื่อราคาทองคำปรับลดลงมาที่ 1,200-1,205 ดอลลาร์/ออนซ์