บลูมเบิร์กเผยผู้ถือหุ้น “สินมั่นคงประกันภัย” กำลังพิจารณาขายหุ้นส่วนใหญ่ของครอบครัวดุษฎีสุรพจน์ ฟาก 2 กลุ่มบริษัทประกันภัยต่างชาติ “กลุ่มเจนเนอราลี-LMG” สนใจเข้าประมูล คาดดีลนี้มีมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6.7 พันล้านบาท พร้อมเผยสนใจลงทุนใหม่อีก 100 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,360 ล้านบาท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการขายหุ้นใหญ่ของครอบครัวดุษฎีสุรพจน์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
โดยได้คัดเลือกบริษัทผู้ซื้อหลายรายให้เข้าร่วมการประมูลรอบใหม่ รวมไปถึง 2 กลุ่มบริษัทประกันภัยระดับโลกอย่าง 1.กลุ่มเจนเนอราลี (Assicurazioni Generali SpA) ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำระดับโลกจากอิตาลี และ 2.บริษัทลิเบอร์ตี้ มิวชวล อินชัวรันซ์ กรุ๊ป (Liberty Mutual Group)
โดยบริษัทสินมั่นคงประกันภัยกำลังทำงานร่วมกับที่ปรึกษาการเงินเกี่ยวกับข้อตกลงขายหุ้นดังกล่าว ซึ่งอาจมีมูลค่าราว 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,700 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 33.6 บาท) และการขายหุ้นในครั้งนี้อาจรวมถึงการลงทุนครั้งใหม่ด้วยมูลค่าอีกประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ (3,360 ล้านบาท)
ทั้งนี้รายงานผลประกอบการของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย มีกำไรสุทธิในปี 2563 ที่ระดับ 757.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 12% จากปี 2562 แต่ในงวดไตรมาส 3/64 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 3.7 พันล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 160.2 ล้านบาทในไตรมาส 3/2563 ซึ่งบริษัทระบุว่ามีสาเหตุมาจากการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
รายงานข่าวระบุว่า ตัวเลขยอดเคลมตามกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ของบริษัทสินมั่นคงประกันภัยในปัจจุบันมียอดเคลมกว่า 6,800 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 3/2564 มีผลขาดทุน 3,662.39 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 160.21 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงกว่า 2,386.02%
สำหรับผลประกอบการบริษัท 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2564) มีผลขาดทุนสุทธิ 3,845.58 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากมูลค่ายอดจ่ายเคลมสินไหมในไตรมาส 3/64 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีมูลค่าสูงถึง 6,815.69 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5,265.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นสัดส่วน 339.63%
โดยมาจากยอดจ่ายเคลมสินไหมประกันภัยโควิด โดยเฉพาะกรมธรรม์ “เจอจ่ายจบ” มูลค่าสูงกว่า 6,002.91 ล้านบาท จากผลจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ส่วนของการรับประกันมีผลขาดทุน 4,991.67 ล้านบาท เป็นผลประกอบการจากการรับประกันภัยโควิดขาดทุน จำนวน 5,827.24 ล้านบาท ส่วนการรับประกันภัยประเภทอื่น ๆ มีผลกำไร 835.57 ล้านบาท
ที่มา : บลูมเบิร์ก