ธ.ก.ส. คาดเดือน ธ.ค. ข้าวเปลือกเจ้าราคาพุ่ง 7,944 บาท/ตัน

ข้าวเปลือก-ประกันราคา

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้ความต้องการสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ สถานการณ์อุทกภัยที่คลี่คลายแล้ว การจับจ่ายภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนธ.ค.64 “ข้าวเปลือกเจ้า-ข้าวเปลือกหอมมะลิ-ข้าวโพด-ยางพารา-มันสำปะหลัง สุกร-กุ้ง” มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเหนียว-น้ำตาล-ปาล์ม-โคเนื้อ มีแนวโน้มราคาปรับลดลง

วันที่ 7 ธันวาคม 2564 นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนธันวาคม 2564 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 7,736 – 7,944 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.44 – 3.14

เนื่องจากราคาข้าวขาวของประเทศไทยในตลาดโลกสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความต้องการของประเทศผู้นำเข้าในแถบทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง ยังมีความต้องการข้าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อไว้ใช้ในช่วงเทศกาลปลายปี

ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 9,750 – 9,768 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.91 – 4.10 เพราะประเทศฮ่องกงซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิรายใหญ่ของประเทศไทยเร่งนำเข้าข้าวหอมมะลิฤดูกาลใหม่เพื่อใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน

ด้านข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาอยู่ที่ 8.76 – 8.85 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.60 – 1.60 เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหารสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคและส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่

ประกอบกับสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมีนาคม 2565 เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ หรือร้อยละ 0.42 จะส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความต้องการสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพิ่มขึ้น

ขณะที่ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 52.61 – 54.53 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.93 – 5.66 เนื่องจากปริมาณฝนโดยรวมของทั้งประเทศไทยจะกลับมาใกล้เคียงค่าปกติ

ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราที่สำคัญมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 10 ส่งผลต่อการกรีดยางพารา ทำให้ยางพาราออกสู่ตลาดลดลง รวมถึงมีการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส หลังจากที่เคยระบาดเป็นพื้นที่วงกว้างในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย

สำหรับมันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 2.22 – 2.32 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.78 – 7.41 เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูกาลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564/65 ผลผลิตยังออกสู่ตลาดไม่มาก ขณะที่ลานมันสามารถกลับมาดำเนินการซื้อขายได้ตามปกติ หลังจากปัญหาอุทกภัยเริ่มคลี่คลาย

ประกอบกับความต้องการใช้มันสำปะหลังของจีนยังสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้น สุกร ราคาอยู่ที่ 72.82 – 73.38 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.36 – 1.13 เนื่องจากความต้องการบริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันหยุดยาว รวมไปถึงเริ่มมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ความต้องการเนื้อสุกรของร้านอาหารและธุรกิจการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น

และกุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 149.64 – 157.47 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.20 – 8.60 เนื่องจากความต้องการบริโภคที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ประกอบกับผลผลิตกุ้งบางพื้นที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และต้นทุนค่าอาหารกุ้งที่สูงขึ้น จากบริษัทผู้ผลิตอาหารกุ้งจะปรับราคาอาหารกุ้งเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 – 5 จากราคาวัตถุดิบในการผลิต ส่งผลให้เกษตรกรลดปริมาณการเลี้ยงกุ้งลง

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 7,263 – 7,395 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.75 – 2.52 เนื่องจากผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวนาปีออกสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมามากเกินความต้องการใช้ข้าวเหนียว เพื่อการบริโภคภายในครัวเรือนและแปรรูปภายในประเทศ

ส่วนน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 19.20 – 19.87 เซนต์/ปอนด์ (13.99 – 14.49 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.20 – 4.52 เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับลดลง จากประเทศผู้ใช้น้ำมันหลักระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง ส่งผลให้ความต้องการเอทานอลปรับตัวลดลงตามไปด้วย

จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการของประเทศบราซิลเพิ่มสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาล ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหนุนที่อาจทำให้ราคาน้ำตาลปรับเพิ่มขึ้นได้จากความต้องการนำเข้าของหลายประเทศ เพราะปริมาณน้ำตาลของประเทศผู้บริโภคเริ่มลดลงและค่าระวางเรือที่มีการปรับลดลงทำให้ต้นทุนการนำเข้าน้ำตาลลดลง

ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 7.88 – 8.38 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.90 – 9.63 เนื่องจากมาตรการภาครัฐ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงสกัดตรึงราคาน้ำมันปาล์มดิบเนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดปรับตัวสูงขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคโดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหาร

และผู้บริโภคในครัวเรือนที่ได้ผลกระทบหลัก และโคเนื้อ ราคาอยู่ที่ 94.50 – 95.00 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.23 – 0.76 เนื่องจากรูปแบบการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปหลังจากโควิด-19 โดยลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน ประกอบกับมาตรการนำเข้าโคเนื้อที่ยังคงเข้มงวดของประเทศจีน จะส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกโคเนื้อของไทย จึงเป็นปัจจัยกดดันราคาโคเนื้อให้ปรับลดลง