ทิสโก้ชี้ถึงเวลาขายหุ้น “วัฏจักรเศรษฐกิจ” รับมือ “โอไมครอน”

กลุ่มทิสโก้

ธนาคารทิสโก้ชี้หุ้นโลกมีโอกาสปรับตัวลง 15-20% หากโควิด–19 สายพันธุ์โอไมครอนระบาดรุนแรง แนะเร่งเทขายหุ้นกลุ่ม “วัฏจักรเศรษฐกิจ” ทั้งกลุ่ม Energy, Financials, Industrials และ Airlines พร้อมทยอยโยกเงินเข้าหุ้นเมกะเทรนด์ที่ได้รับประโยชน์ เช่น กลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ “บโอเทค” และกลุ่มเทคโนโลยีแห่งอนาคต

วันที่ 8 ธันวาคม 2564 นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า จากการประเมินของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ที่คาดว่า หากไวรัส COVID-19 สายพันธ์ุ “โอไมครอน” (Omicron) ระบาดรุนแรง หุ้นทั่วโลกมีโอกาสปรับลงจากปัจจุบัน 15-20%

เนื่องจากเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากการ Lockdown เงินเฟ้อยังคงสูงจากปัญหา Supply Chain และธนาคารกลางหมดกระสุนอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารทิสโก้จึงแนะนำให้นักลงทุน “ขาย” หุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical) ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากประเด็นดังกล่าว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน (Energy) กลุ่มธุรกิจการเงิน (Financials) กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industrials) และกลุ่มสายการบิน (Airlines)

“หุ้นที่ธนาคารทิสโก้แนะนำให้ ‘ขาย’ คือ หุ้นกลุ่ม Cyclical ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัวและราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสูงกว่าจุดที่จะมี COVID-19 ระบาดในปี 2563 ไปแล้ว โดยหลังจากนี้ผลประกอบการหุ้นกลุ่ม Cyclical จะเริ่มไม่แน่นอน นักลงทุนจะให้ความสำคัญลดลง และมีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับตัวลดลง เช่น กลุ่ม Energy, Financials, Industrials รวมถึงกลุ่ม Airlines

ซึ่งนับตั้งแต่มีข่าว COVID-19 โอไมครอนระบาดจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ราคาหุ้นกลุ่ม Energy ปรับตัวลง 6.7% กลุ่ม Financials ปรับตัวลง 6.3% กลุ่ม Industrials ปรับตัวลง 6.3% และกลุ่ม Airlines ปรับตัวลง 12.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลดลงเพียง 4.0%” นายณัฐกฤติกล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารทิสโก้แนะให้นักลงทุนอาศัยจังหวะที่หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงทยอยสะสมหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการกลับมาแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธ์ุใหม่ และเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต แม้เศรษฐกิจชะลอตัวคือ

1. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นอนาคตของโลก (The Future Trend) ได้แก่ Video Games และ Esports, Cybersecurity, Social Media และ Cloud Computing โดย Global X Asset Management คาดว่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ธุรกิจกลุ่มนี้จะมีรายได้เติบโต 26%, 23%, 21% และ 20% ตามลำดับ อีกทั้งในอนาคตจะมีโอกาสเติบโตอีกมากจากธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกเสมือนจริงใน Metaverse

นอกจากนี้ หากมองย้อนกลับไปช่วงแรกที่ COVID –19 ระบาด ในปี 2563 หุ้นกลุ่มนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างก้าวกระโดด สวนทางกับธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยหุ้นกลุ่ม Video Games และ Esports สร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 84.25% หุ้นกลุ่ม Cybersecurity สร้างผลตอบแทนได้ 71.17% หุ้นกลุ่ม Social Media สร้างผลตอบแทนได้ 75.11% และหุ้นกลุ่ม Cloud Computing สร้างผลตอบแทนได้ 77.08%

2. หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ (Healthcare Innovation) คือธุรกิจไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามค่าใช้จ่ายการในการดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐ และเมื่อมี COVID-19 กลายพันธุ์รุ่นใหม่ กลุ่มนี้ก็จะเป็นพระเอกที่ใช้นวัตกรรมทางชีวภาพใหม่อย่าง mRNA มาปรับเปลี่ยนสูตรวัคซีนเพื่อรับมือกับสายพันธ์ุโอไมครอนได้อย่างรวดเร็ว และสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากถึง 48.19%