“ยูโอบี” จับทิศทางลงทุนปี’65 ดัชนีหุ้นไทย 1,650-1,700 จุด

หุ้น โควิด

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพการลงทุนในปี 2565 เศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้นโยบายการเงินมีโอกาสที่จะเข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงทางการเมืองอาจจะสูงขึ้น จากการเลือกตั้งในสหรัฐและในฝรั่งเศส

ส่วนในจีนยังต้องระวังการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (property) การบริโภค (consumer) และ สุขภาพ (healthcare) ที่อาจถูกควบคุมต่อ รวมถึงการตั้งผู้บริหารฮ่องกงคนใหม่

ทั้งนี้ คาดปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว โดยจะขยายตัวได้ 3.5% ขณะที่เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยให้ไว้ที่ 1,650-1,700 จุด และคาดว่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าที่ 32.5 บาท/ดอลลาร์ ส่วนเงินเฟ้อจะสูงแต่เชื่อว่าไม่กระทบกับดอกเบี้ยนโยบาย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) น่าจะคงดอกเบี้ย 0.50% ต่อ

“คาดว่าปีหน้าโควิดอาจจะหมดไปเนื่องจากโอไมครอนอาจจะเป็นโควิดรอบสุดท้าย ด้วยอาการที่ไม่รุนแรงก็มีโอกาสที่สุดท้ายจะกลายเป็นเพียงไข้หวัดทั่วไป จึงอาจจะไม่ได้เป็นความเสี่ยงที่สำคัญในปีหน้า ขณะที่เรื่องของเงินเฟ้อเชื่อว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปีหน้าโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากครึ่งปีแรกจะเป็นช่วงที่ผลตอบแทนรวมถึงราคาสินทรัพย์ยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก ซึ่งหากสามารถคงระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไว้เท่าระดับปัจจุบันได้ก็อาจจะเห็นเงินเฟ้อในระดับ 5-6% ไปจนถึงกลางปี ซึ่งก็อาจจะทำให้นโยบายการเงินมีโอกาสที่จะเข้มงวดขึ้น”

โดยจุดที่น่ากังวล คือ ดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย แต่ไม่น่าจะขึ้นเกิน 0.25% หรือ 1 ครั้งในปีหน้า แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือการปรับฐานของตลาดทุน หากไม่ปรับฐานและยังไปต่อได้ก็อาจจะขึ้นดอกเบี้ยได้ แต่โอกาสที่ตลาดทุนจะปรับฐานในปีหน้า มีสูงมาก เนื่องจากสินทรัพย์ทั่วโลกที่แพงมาก

และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมานาน ปีหน้าอาจเข้มงวดขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ยีลด์ระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้น ส่วนยีลด์ระยะยาวอาจจะย่อตัวลง ปีหน้าตลาดน่าจะกลับสู่โหมดที่เป็นมูลค่าและระมัดระวังตัวมากขึ้น หุ้นที่ต้องระวังเป็นพิเศษจะเป็นหุ้นเทคโนโลยี

ทั้งนี้ กลยุทธ์ลงทุนปีหน้าควรจัดสมดุลพอร์ต แบ่งมาลงทุนในหุ้นพื้นฐานไม่เน้นลงทุนในหุ้นที่เติบโตอย่างเดียว ลดสัดส่วนตราสารหนี้ (บอนด์)และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปที่ธีมอนาคต (themetic investing) ซึ่ง 3 ธีมที่โดดเด่น ได้แก่ การปฏิวัติอุตสาหกรรม, ระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง (FinTech) และวิวัฒนาการของการบริโภค