ตลาดลุ้นกนง.ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น ราคาทองพุ่ง หนุนเงินบาทแข็งค่า

กนง.-แบงก์ชาติ

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทเคลื่อนไหว 33.20-33.70 บาทต่อดอลลาร์ เผยตลาดรอดูผลการประชุมกนง. คาดคงดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี มองธปท.ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว จับตาโอไมครอนปัจจัยเสี่ยง จับตาราคาทองคำแตะ 1,820-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หนุนนักลงทุนเทขายทำกำไร ดันบาทแข็งค่า

วันที่ 19 ธันวาคม 2564 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 20-24 ธันวาคม 64) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.25-33.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งตลาดจะรอดูมุมมองของธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ต่อทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากส่งสัญญาณที่ดีขึ้นจะช่วยหนุนเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้ามาบ้าง ซึ่งจะมีผลทำให้บาทแข็งค่าได้เล็กน้อย ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.50% ต่อปี

นอกจากนี้ ต้องติดตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งหากราคาทองคำเพิ่มขึ้นไปอยู่ระดับ 1,820-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในประเทศรอขายทำกำไร ซึ่งจะทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ แต่คงไม่หลุดแนวรับที่ระดับ 33.30 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงสัปดาห์จะเห็นโฟลว์ค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงใกล้สิ้นปี โดยประเมินว่าจะเห็นโฟลว์ไหลเข้าในตลาดหุ้นและพันธบัตร (บอนด์) รวมกันไม่ถึง 4,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มเห็นสัญญาณการไหลเข้าจากผลการประชุมกนง. เพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจก่อนตัดสินใจลงทุน

ขณะที่ฟันด์โฟลว์ในช่วงสัปดาห์วันที่ 13-17 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นไหลเข้าสุทธิ 8,500 ล้านบาท และตลาดบอนด์ไหลเข้าสุทธิ 7,400 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อบอนด์ระยะยาวมากกว่าระยะสั้น โดยบอนด์ระยะสั้นซื้อสุทธิเกือบ 4,000 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่ได้กลับมาเข้ามาทำกำไรเต็มที่

“เงินบาทช่วงนี้จะค่อนข้างนิ่งๆ เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ก็มีลุ้นบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าได้ จากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้น และบอนด์ยีลด์ปรับลดลง เงินดอลลาร์อ่อนค่า อย่างไรก็ดี ตลาดรอดูโทนเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 22 ธ.ค.นี้ด้วย ซึ่งเรามองว่ามุมมองของธปท.น่าจะมีมุมมองที่ดีขึ้น แต่ไม่ดีมาก เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องของโอไมครอนอยู่ ซึ่งอาจจะเห็นโฟลว์ไหลเข้าได้บ้างหลังการประชุมเสร็จ”

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 33.20-33.70 บาทต่อดอลลาร์ โดยนักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการประกาศรอบสุดท้าย และค่าใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯ ขณะที่ผลประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาใกล้เคียงกับความคาดหมายของตลาด

โดยปัจจัยในประเทศ คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยที่ 0.5% ต่อปี เพื่อติดตามการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ

“กระแสเงินทุนไหลเข้า และความหวังเรื่องการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินบาทในเดือนนี้ คาดปริมาณธุรกรรมจะเบาบางลงในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี ขณะที่ต่างประเทศเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสและธนาคารกลางหลักหลายแห่งประชุมทิ้งทวนผ่านพ้นไปหมดแล้ว”