คลังเฟ้นผู้เชี่ยวชาญรูดปรื๊ด ทำบัตรรักษาพยาบาล 4.5 ล้านใบ ธ.ค.นี้

อธิบดีกรมบัญชีกลางเร่งคัดเลือกผู้ทำบัตรรักษาพยาบาลข้าราชการ 4.5 ล้านใบ เตรียมประกาศทีโออาร์พร้อมร่อนหนังสือเทียบเชิญผู้เชี่ยวชาญออกบัตรเครดิต ไม่ต่ำกว่า 3 รายร่วมยื่นข้อเสนอ ยันเปิดกว้างพิจารณาเงื่อนไข-ไม่ล็อกสเป็ก เผยตั้งงบฯ 124 ล้านบาททำระบบ

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในเร็ว ๆ นี้กรมบัญชีกลางจะประกาศร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference : TOR) เพื่อเชิญชวนให้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่เป็นสถาบันผู้ออกบัตรเครดิตเข้ามาร่วมจัดทำข้อเสนอโครงการบัตรจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ประมาณ 4.5 ล้านใบ (รวมข้าราชการและครอบครัว) ซึ่งกำหนดใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการคัดเลือก จากผู้ยื่นข้อเสนอไม่ต่ำกว่า 3 ราย ที่กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างส่งหนังสือเชิญให้เข้ามาร่วมเสนอรายละเอียดโครงการ

ทั้งนี้ คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.นี้ก็จะได้ข้อสรุปว่าผู้ประกอบการรายใดได้รับการคัดเลือก โดยกรมบัญชีกลางยืนยันว่า ไม่มีการล็อกให้ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ดำเนินการ แต่จะพิจารณาจากรายที่มีข้อเสนอดีที่สุด จากนั้นประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ. 2561 ก็จะเริ่มใช้งานบัตรได้ ซึ่งระบบของบัตรจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการนี้ กำหนดว่าจะใช้บัตรประชาชนที่เป็นบัตรสมาร์ทการ์ดในการใช้งาน ซึ่งจะต่างจากบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยที่สามารถเติมเงินได้ แต่บัตรจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการจะไม่สามารถเติมเงินลงในบัตรได้ เพียงแต่ใช้ตรวจสอบสิทธิที่ผู้ถือบัตรมีอยู่เท่านั้น

“การจัดทำบัตรรักษาพยาบาล เป็นโครงการย่อยของโครงการ e-Payment ภาครัฐที่อยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ National e-Payment อีกที คือการจัดทำบัตรรักษาพยาบาลนี้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรับจ่ายเงินภาครัฐ เพราะค่ารักษาพยาบาลข้าราชการปกติจะเป็นระบบจ่ายตรง โครงการนี้ก็จะมาต่อยอด สร้างระบบการตรวจสอบสิทธิโดยใช้บัตรขึ้นมา เพื่อป้องกันการโกงค่ายา ค่ารักษาพยาบาล”

อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2561 ได้มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลข้าราชการไว้ที่กว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อนำระบบบัตรมาใช้ ก็จะช่วยควบคุมการเบิกค่ารักษาพยาบาลให้เป็นไปอย่างถูกต้องได้ และช่วยคุมวงเงินค่ารักษาพยาบาลไม่ให้สูงเกินจริงได้

“จะช่วยคุมเรื่องการโกง ส่วนเรื่องวงเงินค่ารักษา ต้องบอกว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น อย่างเช่นเมื่อคนอายุมากขึ้น ก็เข้ารับการรักษาพยาบาลบ่อยขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็อาจจะมีการปรับขึ้นตามความทันสมัยขึ้นของการรักษา รวมถึงโรคที่เกิดใหม่ ต้องใช้ตัวยาใหม่ ๆ เหล่านี้ เราก็พยายามปรับให้ตามที่ผู้มีสิทธิควรได้รับ”

ทั้งนี้มีรายงานว่า แผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ 2561 ของกรมบัญชีกลางเผย ได้ตั้งงบประมาณทำโครงการบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ อยู่ที่ 124 ล้านบาท และจะจัดซื้อจัดจ้างภายใน ธ.ค. 2560 นี้