เป็นที่ยอมรับกันว่า “ไทยประกันชีวิต” มีความโดดเด่นโดนใจคนวงกว้างด้วยภาพยนตร์โฆษณาที่โดนใจซึ้ง ๆ จากผู้ชมจนกลายเป็น ทอล์กออฟเดอะทาวน์
ผู้ที่อยู่เบื้องการวางแผนสร้างองค์กรสู่ความยั่งยืน หนีไม่พ้นแม่ทัพใหญ่ “ไชย ไชยวรรณ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
ในฐานะ “ผู้นำ” ที่สร้างแรงบันดาลใจผ่านวิสัยทัศน์ที่ว่า “เข้าใจ จริงใจ ไม่ทิ้งกัน” มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจให้ความสำคัญกับ “คน” ทั้งลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และคนในสังคม เนื่องจากดำเนินธุรกิจในลักษณะ “People Business” โดยพยายามปลูกฝังให้เป็น “DNA” ของทุกคน เพราะคนถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนไทยประกันชีวิตให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน
“แม่ทัพใหญ่” ให้มุมมองว่า แม้ว่าปีนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยจะซบเซา แต่เชื่อว่าจะไม่รุนแรงเหมือนช่วงที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี”40 หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ไครซิส ตอนนี้เศรษฐกิจไทย แค่เป็นช่วงการเติบโตที่ชะลอตัวลง ทำให้ตัวเลขเบี้ยของธุรกิจประกันชีวิตพลอยได้รับผลกระทบเช่น โดยยอดปรับตัวลดลงตามไปด้วย
“ผมจึงไม่ได้กดดันคนทำงานด้วย KPI (ผลการปฏิบัติงาน) แต่พยายามทำให้ทุกคนรู้ว่าเมื่อตัวเลขลดลง จะต้องปรับปรุงวิธีการทำงานเพื่อนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายอย่างไรมากกว่าผลักดันตัวเลขให้เพิ่มขึ้นด้วยการขายสินค้าแบบประกันสะสมทรัพย์ ไฮ เซฟวิ่ง แต่บริษัทจะต้องมาแบกภาระค่าใช้จ่ายหรือขาดทุน”
เพราะฉะนั้นวัฒนธรรมองค์กรของไทยประกันชีวิตถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพไว้ได้ เห็นได้จากอัตราการ “Turnover” หรือการหมุนเวียนของพนักงานต่ำมากอยู่ที่ 7.64% เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 20% ขณะเดียวกันบุคลากรของไทยประกันชีวิตส่วนใหญ่มีอายุงานเกินกว่า 10 ปี
โดยปัจจุบันเรามีการ “ต่ออายุงาน” ในกลุ่มคนที่กำลังเกษียณ” เพิ่มมากขึ้น เพราะเขามีประสบการณ์และความชำนาญ ที่ยังเป็นประโยชน์ต่อบริษัท ในขณะเดียวกันเรามี “คนรุ่นใหม่” เข้ามาทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะในระดับผู้บริหารระดับกลาง (Middle Manager) แต่การทำงานแบบ “ผสมผสาน” ระหว่างคนสองกลุ่มจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
โดย “ไชย” ปักธงชัดเจนว่า เพราะเราไม่ได้โฟกัสแค่มาร์เก็ตแชร์ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด แต่การจะทำอย่างไรให้องค์กรอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืนได้ เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความยั่งยืนในเรื่องความมั่นคงทางการเงิน (Financial Stability) แล้ว การสร้างความรัก ความสามัคคีให้เกิดขึ้นจะทำให้สร้างความยั่งยืนอย่างถาวร
แน่นอนว่าเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ไทยประกันชีวิตก็มีผลการดำเนินงานช่วง 5 เดือนแรกปี 2560 (ม.ค.-พ.ค.) ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตรับรวมที่ 31,151 ล้านบาท เติบโต 4%
เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับปีแรก 5,534 ล้านบาท เติบโต 2% เบี้ยแบบประกันชำระครั้งเดียว(ซิงเกิลพรีเมี่ยม) 2,860 ล้านบาท เติบโต 16% และเบี้ยประกันรับปีต่อไป 22,755 ล้านบาท เติบโต 3.14% อัตราความคงอยู่ 83% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าเฉพาะเบี้ยประกันรับปีแรกสิ้นปีนี้อยู่ที่ 19,500 ล้านบาท เติบโต 27%
ส่วนก่อนหน้านี้ทางไทยประกันชีวิตได้วางกลยุทธ์บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตทุกช่องทาง เช่น ช่องทางตัวแทน ช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ รวมถึงช่องทางการขายผ่านธนาคาร และพัฒนาตัวแทนเป็นนักวางแผนทางการเงินเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าปี 2560 นี้คาดว่าบริษัทจะมีเบี้ยรับรวมจะอยู่ที่ 86,200 ล้านบาท เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเบี้ยปีแรก 15,900 ล้านบาท เติบโต 6% เบี้ยซิงเกิลพรีเมี่ยม 9,300 ล้านบาท เติบโต 16% ส่วนเบี้ยปีต่ออายุที่ 61,000 ล้านบาท มีอัตราการต่ออายุที่ 84%
สุดท้าย “ไทยประกันชีวิต” จะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อ เพราะความท้าทายจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนภายในองค์กรไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจะต้องใช้ระยะเวลาว่าจะพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้มีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันและสามารถเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปได้อย่างไร แต่ทั้งนี้ “ไชย” ทิ้งท้ายว่า “หากผู้บริหารเปรียบเสมือน “เรือ” “น้ำ”ก็เปรียบเสมือนคนในองค์กร เพราะน้ำสามารถทำให้เรือจมได้ และน้ำก็สามารถทำให้เรือลอยได้ เพราะฉะนั้นเมื่อทั้งสองเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้”