ก.ล.ต.ทิ้งทวนแปลงรีทปี’60 คาดเบ็ดเสร็จ 9 กอง/สรรพากรเลิกจูงใจ

โค้งสุดท้าย ก.ล.ต.ไฟเขียวแปลงสภาพ “พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์” เป็น “รีท” เผยเดือน พ.ย.อนุมัติไป 4-5 กอง ชี้เตรียมอนุมัติอีก 1-2 กอง คาดตลอดปี 2560 มีแปลงสภาพ 8-9 กอง อธิบดีสรรพากรยันไม่ต่ออายุมาตรการภาษีอีกหลังจูงใจมา 2 ปีไม่คึกคัก

นายประกิด บุณยัษฐิติ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงที่ผ่านมา มีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) สนใจยื่นความจำนงขอแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT หรือ รีท) หลายกองด้วยกัน โดยช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้อนุมัติให้ดำเนินการแปลงสภาพไปประมาณ 4-5 กอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

ขณะที่ก่อนหน้านี้มี 2 กองทุนที่แปลงสภาพเป็นรีท และปิดกองเก่าไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงยังมีอีก 1-2 กอง ที่ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติ คาดว่าจะทันภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ ยืนยันว่าภาครัฐจะไม่มีการขยายเวลามาตรการให้สิทธิประโยชน์การลดภาษีและลดค่าธรรมเนียมการโอนสินทรัพย์ในการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯเป็นกองรีท ที่จะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 31 ธ.ค. 2560 นี้ ออกไปอีกแล้ว ดังนั้นผู้ที่ต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต้องแปลงกองให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้เท่านั้น เนื่องจากได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจยื่นแปลงสภาพกองทุนมาเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว

“ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต.ก็ได้มีการส่งหนังสือเวียนแจ้งเตือนไปยังบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทุกรายให้รีบดำเนินการ อย่างไรก็ดี ในส่วนของคนที่ยื่นเรื่องมาให้ ก.ล.ต.พิจารณาก่อนหน้านี้ ก็น่าจะได้รับการอนุมัติทันทุกราย” นายประกิดกล่าว

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บลจ.ไทยพาณิชย์ อยู่ระหว่างการดำเนินการแปลงสภาพพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์เป็นรีท จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ 1.กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) และ 2.กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท (TGROWTH) มูลค่าประมาณ 5,671 ล้านบาท เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) โดยคาดว่ากระบวนการต่าง ๆ ของทั้ง 2 กอง จะแล้วเสร็จภายในช่วงสิ้นปีนี้

“ปัจจุบันมีลูกค้ากองทุนอสังหาฯหลายรายสนใจที่จะแปลงกองเป็นรีท แต่กระชั้นชิดช่วงปลายปีเกินไป อาจจะไม่ทันกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เนื่องจากกระบวนการแปลงกอง มีขั้นตอนที่ใช้ระยะเวลาพอสมควร อาทิ ต้องจัดประชุมเพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนก่อน และต้องขออนุญาตจาก ก.ล.ต.อีกด้วย” นายสมิทธ์กล่าว

นายสมิทธ์กล่าวอีกว่า หลังจากแปลงกองทุนอสังหาฯออกไปเป็นกองรีท จำนวน 2 กอง ในสิ้นปีนี้ จะทำให้กองทุนรวมอสังหาฯของ บลจ.ไทยพาณิชย์ลดลงเหลือ 7-8 กองทุน มูลค่ารวมประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 9-10 กองทุน มูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านบาท โดยกองทุนที่เหลืออยู่ หากเป็นกองทุนแบบลีสโฮลด์ (แบบเช่าระยะยาว) ก็จะทยอยหมดอายุไปตามสัญญากรรมสิทธิ์ ส่วนกองทุนแบบฟรีโฮลด์ (แบบการซื้อขาด) ก็คงอยู่ไปเรื่อย ๆ หรืออาจปิดกองได้ หากมีคนเข้ามาซื้อโครงการทั้งหมดไป

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรมสรรพากรจะไม่ต่ออายุมาตรการให้สิทธิประโยชน์การลดภาษีและลดค่าธรรมเนียมการโอนสินทรัพย์ในการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) ออกไปอีก เนื่องจากได้ให้เวลามาแล้ว 2 ปี (ปี 2559-2560) ดังนั้นตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป หากมีการแปลงสภาพ ทางกรมสรรพากรก็จะจัดเก็บภาษีตามปกติ ขณะที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ จะไม่สามารถขยายกองได้ และหากจะแปลงสภาพภายหลังก็ต้องเสียภาษี

“ปีหน้าไม่ต่อมาตรการแล้ว เพราะถ้าคนอยากแปลงเป็นกองรีท ก็ต้องแปลงแล้ว เพราะให้เวลามา 2 ปีแล้ว ดังนั้นปีหน้า เราก็เก็บภาษี” นายประสงค์กล่าว

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว เป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่แปลงสภาพไปเป็นกองรีท ซึ่งเดิมมีระยะเวลามาตรการ 1 ปี คือ ในปี 2559 แต่ได้ขยายต่อให้ในปี 2560 อีก 1 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2560 นี้