SET ยังผันผวน แต่ใช้โอกาสอ่อนตัวซื้อ

กราฟราคาหุ้น
คอลัมน์ : เติมความคิดพิชิตการลงทุน
ผู้เขียน : เอกภาวิน สุนทราภิชาติ
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด

สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ขึ้นทำจุดสูงใหม่ในรอบกว่า 2 ปี และขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,700 จุด ด้วยปัจจัยหนุนหลักจากทิศทาง fund flow ไหลเข้า โดยตั้งแต่ต้นปีถึง 10 ก.พ. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 5 หมื่นล้านบาท

รวมถึงการผ่อนคลายความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ที่แม้จะแพร่ระบาดรวดเร็วแต่ไม่รุนแรงนัก รวมทั้งการรายงานผลประกอบการ 4Q/64 ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่าคาด สร้าง sentiment เชิงบวก

อย่างไรก็ตาม SET Index ยังมีความผันผวนและสะวิงขึ้นลงได้แรง โดยให้ระวังแรงกดดันมาจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. และอาจมากกว่า 0.25% อีกทั้งสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน-สหรัฐ-ชาติตะวันตกยังต้องติดตาม

ด้านการรายงานผลการดำเนินงาน 4Q/64 ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 33%YOY และ 2%QOQ ดีเกินคาด ส่งผลให้ทั้งปี 2564 กำไรสุทธิกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 33% โดย NPL อยู่ในระดับทรงตัว credit cost ลดลง สินเชื่อเติบโตในระดับปานกลาง NIM ลดลง nonNII เพิ่มขึ้น และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 คาดกำไรสุทธิของกลุ่มจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด เร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ 1 ปี โดยคาดจะเพิ่มขึ้น 12% จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าคาด

และหลังจากนี้จะเข้าสู่การรายงานงบฯของหุ้น Real Sector ซึ่งจากการรวบรวมจากข้อมูลประมาณการของ Consensus จนถึงสิ้นเดือน ม.ค.มีการทำ earnings preview แล้วราว 101 บริษัท ทำกำไรสุทธิรวมกันได้ราว 1.37 แสนล้านบาท

ด้านแนวโน้ม SET ยังเคลื่อนไหวผันผวน โดยแม้ขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,700 จุดได้ แต่อาจมีความผันผวนและพักตัวสลับเป็นระยะ ท่ามกลางความกังวลเงินเฟ้อที่ยังเร่งตัวต่อเนื่อง และการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟด

ซึ่งต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง สำหรับรายงานประชุมเฟดวันที่ 17 ก.พ.นี้ ทำให้ตลาดยังมีความกังวลเรื่องนโยบายการเงินตึงตัวที่มากกว่าคาดอยู่ ทั้งเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยและการลดขนาดงบดุล หรือ QT อาจเร็วและแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

โดยผลสำรวจจาก FedWatch Tool ของ CME Group พบว่านักลงทุนปรับเพิ่มความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.00%-0.25% สู่ 0.50%-0.75% มาที่ 35% จากเดิม 14% และลดความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.00%-0.25%สู่ 0.25%-0.50% ลงสู่ 73% จากเดิม 86%

รวมถึงล่าสุด James Bullard ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ แสดงความเห็นว่าเฟดควรขึ้นดอกเบี้ย 1% ในเดือน ก.ค. ตอกย้ำความกังวลในเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแบบมีอัตราเร่ง

ทั้งนี้ แม้มอง SET ผันผวนและพักตัวสลับเป็นระยะได้ อย่างไรก็ตาม เมื่ออ่อนตัวให้ใช้เป็นโอกาสเข้าซื้อนะครับ โดยผมมองดัชนีที่จะโดนผลกระทบจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น

แม้ทำให้ดัชนีอ่อนตัวแต่จะมี downside เริ่มจำกัดแถวบริเวณ 1,650 จุด ทำให้ใช้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้นได้ โดยแนะนำหุ้นในกลุ่มต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1) กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มโตดี และ/หรือได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศอย่าง KBANK, GPSC, SPALI, AMATA, LH, GULF, DELTA, ADVANC, ONEE, CRC, MINT

2) กลุ่มหุ้นที่ราคายังต่ำกว่าpreCOVID สวนทางกำไรที่ดีขึ้นและสูงกว่าช่วงโควิดแล้ว ได้แก่ PTT,ZEN, OSP, TTW, MTC, GPSC, BCP

และ 3) กลุ่มหุ้น Domestic Reopening ที่มีความหวังเชิงบวกจาก ศบค.จะคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่ม และพฤติกรรมประชาชนเริ่มปรับตัวได้แล้ว ชอบ CPALL, CRC, CPN, BEM


แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ฉบับหน้าครับ ด้วยรักและหวังดี