บล.ฟิลลิปประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวออกข้างอิงทางลงในกรอบเทรดระหว่าง 1,680-1,705 จุด ตึงเครียด “รัสเซีย-ยูเครน” ตัวฉุดการปรับขึ้นต่อของ SET Index ลุ้นไม่ลงลึกทรงตัวระดับ 1,680 จุดให้ได้ รับแรงหนุนราคาน้ำมันดิบโลกทำสถิติใหม่รอบเกือบ 7 ปี แรงซื้อต่างชาติทะลัก คาดหากเกิด “รัสเซีย-ยูเครน-สหรัฐ” ปะทะกันจะดันราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index เช้านี้คาดมีโอกาสแกว่งตัวออกข้างอิงทางลงในกรอบเทรดระหว่าง 1,680-1,705 จุด ทั้งนี้แม้ความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่พิ่มขึ้นระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นตัวฉุดการปรับขึ้นต่อของ SET Index หากแต่อาจลงไม่ลึกและลุ้นให้ทรงตัวระดับ 1,680 จุดให้ได้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ด้วยแรงหนุนจาก 1.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทำสถิติใหม่ในรอบเกือบ 7 ปีครึ่งนับตั้งแต่ปี 2557 โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ล่าสุดปิดที่ 94.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 93.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ความกังวลสงครามรัสเซีย-ยูเครน ล่าสุดยังมีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC+ ที่ยังคงอยู่ห่างจากระดับเป้าหมายให้ไว้ และ 2.แรงซื้อที่มีเข้ามาต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ โดยนับตั้แต่ต้นปีมีสถานะซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยและตลาดตราสารหนี้แล้วมากกว่า 50,000 ล้านบาท และ 134,000 ล้านบาท (ตามลำดับ)
ส่วนปัจจัยภายในประเทศอย่างสถานการณ์ของโควิด-19 ในไทยที่ล่าสุดเริ่มเห็นการเร่งตัวของผู้ติดเชื้อ หากแต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงรวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นไม่มาก จึงมองเป็นกลางเนื่องจากคาดว่ารัฐบาลจะไม่กลับมาใช้มาตรการ Lockdown เหมือนการติดเชื้อในรอบก่อน ๆ
ในส่วนกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน แม้ปัจจุบันเหตุการณ์เลวร้ายจะยังไม่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซีย-ยูเครน-สหรัฐ หากแต่หลายประเทศก็เริ่มออกมาปกป้องพลเมืองของตน โดยประกาศขอให้พลเมืองของตนออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากคาดเดาไม่ได้ว่าจะมีการปะทะกันเมื่อไร ด้วยกองกำลังทหารรัสเซียที่บุกประชิดตามแนวชายแดนมากกว่า 100,000 นาย ถึงแม้ทั่วโลกจะให้ความหวังต่อการต่อสายเจรจาพูดคุยกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ราว 1 ชั่วโมง แต่ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร
ดังนั้น หากเกิดปะทะกันขึ้นมาเมื่อไร คาดราคาน้ำมันดิบมีโอกาสพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ระวังแรงขายช่วงสั้นในหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ โดยมองแนวรับ SET Index คาดจะยังรักษาระดับ 1,680 จุด และเน้นทยอยซื้อสะสมบริวณดังกล่าวด้วยธีมเด่นน่าลงทุน ได้แก่ 1.หุ้น Inflation hedge หรือรับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น อาทิ กลุ่ม Commodity, ธนาคาร และ 2.หุ้นที่คาดการณ์ผลประกอบการดี และ/หรือมีปันผลเด่น และ 3.หุ้นที่รับประโยชน์จากการเร่งตัวของผู้ติดเชื้อในประเทศ หนุนการตรวจเชื้อแบบ ATK เพิ่มมากขึ้น
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คือ การประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4/64 ของไทย ทั้งนี้ตลาดคาดหดตัว 0.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ม.ค. 65 ของจีน ตลาดคาดขยายตัว 1.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 0.5% จากเดือนก่อนหน้า 3.ดัชนียอดค้าปลีก เดือน ม.ค. 65 ของสหรัฐ ตลาดคาดขยายตัว 1.8% จากเดือนก่อนหน้า