BEM ควัก 1,223 ล้านบาท จ่ายปันผลปี 2564 หุ้นละ 0.08 บาท

หุ้น ภาษี เงินบาท

BEM ชงผู้ถือหุ้นไฟเขียวควัก 1,223 ล้านบาท จ่ายปันผลปี 2564 หุ้นละ 0.08 บาท

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 เวลา 14.00 น. ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพียงแบบเดียวเท่านั้น (E-AGM) โดยควบคุมการประชุมที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น G อาคาร A บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ กำหนดให้วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Rccord Date) เพื่อสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 และเพื่อสิทธิรับเงินปันผล (โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XM หรือวันที่ไม่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 และขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันอังคารที่ 8 มีนาคม 2565) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันพุธที่ 27 เมษายน 2565

นอกจากนี้ คณะกรรมการพิจารณางบการเงินของบริษัทแล้วเห็นว่า ในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการเป็นเงิน 771,862,867 บาท และมีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรเป็นเงิน 7,030,014,932 บาท จึงเห็นควรเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจัดสรรเงินกำไรและการจ่ายเงินปันผล โดยจัดสรรเป็นทุนสำรองตามกฎหมายสำหรับปี 2564 เป็นเงิน 38.6 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2564 โดยจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท เป็นเงิน 1,223 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท

สำหรับการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2564 จ่ายจากกำไรส่วนที่เป็นเงินปันผลหรือส่วนแบ่งกำไรที่รับจากกิจการที่ผ่านการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในอัตราร้อยละ 20 ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีคืนได้เท่ากับเงินปันผลคูณยี่สิบส่วนแปดสิบ และจ่ายจากกำไรทางบัญชีที่ไม่ผ่านการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท ซึ่งผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาไม่สามารถขอเครคิตภาษีคืนได้

ก่อนนี้ BEM รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯด้วยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2564 ลดลงราว 50% จากผลกระทบโควิด-19 ที่ทำให้ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วน ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าลดลง กระทบต่อรายได้ของบริษัท ทั้งรายได้ค่าผ่านทางที่ลดลง 1,695 ล้านบาท รายได้ค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถลดลง 1,066 ล้านบาท รวมถึงรายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์ลดลง 3 ล้านบาท