กรุงไทย เดินกลยุทธ์เติบโต 5 แกนหลัก หาธุรกิจใหม่-ประคองธุรกิจเดิม

กรุงไทย
ภาพจากเฟซบุ๊ก Krungthai Care

“ผยง” ประธานสมาคมไทย มองภาคการเงินไทย เผชิญ 5 ความท้าทาย-โอกาสในยุคดิจิทัล แนะเร่งปรับตัวใช้เทคโนโลยีปรับรูปแบบธุรกิจ เผยธนาคารกรุงไทย เน้นเติบโตสมดุลบน 5 แกนหลัก “ประคองโลกเก่า-หาธุรกิจใหม่-สร้างระบบ Ecosystem-ปรับองค์กร-ตอบโจทย์ด้าน ESG”

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวในงานสัมมนางานสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจ-ธุรกิจไทย ไปทางไหน? หลังวิกฤตโควิด-19” ว่า ภาคการเงินมีความท้าทายอย่างต่อเนื่อง

ผยง ศรีวณิช

โดยในช่วงโควิด-19 ทำให้ภาคการเงินเผชิญกับหน้าผาหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งเป็นก้อนขนาดใหญ่ในระบบธนาคารพาณิชย์ และปัญหาทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ซึ่งมีเรื่องสงครามการค้า ทำให้โลกแบ่งเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งมีผลต่อคู่ค้า เทคโนโลยี และซัพพลายเชน ซึ่งมีผลต่อภาคการส่งออก โดยคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2565 อยู่ที่ 3.0-4.5%

อย่างไรก็ดี ความท้าทาย 4 เรื่องที่ภาคการเงินต้องเผชิญ คือ 1.การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยเป็นตัวที่ให้เราต้องรับผิดชอบ ซึ่งหากมีการใช้สภาพคล่องในระบบจะต้องคำนึงถึงเรื่อง Green ด้วย 2.การลดความเหลื่อมล้ำ โดยใช้เครื่องมือให้คนที่เข้าไม่ถึงสามารถเข้าถึงระบบ แต่เนื่องจากปัจจุบันระดับหนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% จะทำอย่างไรให้ลูกค้ามีความสามารถในการชำะหนี้และไม่ไปกระทบสภาพคล่องของลูกค้า

และ 3.สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จะกระทบต่อผลิตภาพ (Productivity) แน่นอน ซึ่งจะทดแทนสิ่งที่หายไปได้อย่างไร และ 4.แรงงานในระบบที่ไม่ถูก Re-Trand เพื่อตอบโจทย์การจ้างงานและไม่สามารถปิด Gap จะยิ่งเป็นภาระสังคม

ส่วนสิ่งที่เป็นโอกาสมีอยู่ 4 เรื่องด้วยกัน คือ 1.Digital Transformation การปฏิรูปธุรกิจไปสู่ดิจิทัล 2.Frontier Technology การนำดิจิทัลใหม่ๆ มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ 3.Green Transition สร้างการผลิตในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการสิ่งที่เปลี่ยนไป และ 4.Merdical Hub แนวโน้มการดูแลสุขภาพที่กำลังมา ซึ่งเป็นโอกาสในการปรับตัวของธุรกิจ

“ธุรกิจแบงก์มีความท้าทาย เพราะแบงก์อยู่มา 50-100 ปี หากเรายังยึดโยงกับโครงสร้างเดิมที่อยู่มาคงไม่ได้ เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเทคโนโลยีดิสรัปชั่น ซึ่งจะเปลี่ยนเรื่องระบบการชำระเงิน การปล่อยสินเชื่อ รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาแข่งขันมากขึ้น

ดังนั้น สมาคมธนาคารไทยจึงมียุทธศาสตร์ 3 ปีภายใต้ 4 ธีม เพื่อกำหนดทิศทางให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไป เพราะภาคการเงินเป็นอุตสาหกรรมที่ถูกกำกับเข้มข้น ไม่ว่าจะเรื่องเงินกองทุน สภาพคล่อง เสถียรภาพของระบบ จึงเป็นความท้าทาย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมแบงก์วาง Landscape สอดคล้องกัน”

นายผยงกล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางของธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ จะต้องรักษาการเติบโตให้สมดุล โดยอยู่บน 5 แกนหลัก คือ 1.รักษาการเติบโตในโลกเก่าที่อยู่บน Balance Sheet ของธนาคาร โดยจะมีลูกค้าเก่าที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปสู่โลกใหม่ทั้งหมด ธนาคารจึงต้องรักษา Core Growth ต่อไป

2.การหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อหารายได้ เนื่องจากรูปแบบธุรกิจ Banking มีความท้าทาย โดยมูลค่าตามบัญชี (book value) เฉลี่ยไม่ถึง 1% ธนาคารจึงจำเป็นต้องหารูปแบบธุรกิจใหม่ เพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจ และ 3.การขยายธุรกิจบน Ecosystem ที่เชื่อมโยงบน 5 Ecosystem ได้แก่ ระบบภาครัฐ การชำระเงิน สุขภาพ การศึกษา และระบบขนส่งคมนาคม โดยการเชื่อมโยงทั้ง 5 Ecosystem จะต้องขยายความร่วมมือกับพันธมิตร

และ 4.การทำงานภายในองค์กร จะต้องเป็น Fully Digital โดยลดการใช้กระดาษ หรือไม่มีกระดาษ ซึ่งทุกอย่างจะเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ มีการเชื่อมโยงผ่าน Data ที่เหมาะสม และสามารถให้บริการลูกค้าแบบเรียลไทม์ และ 5.ตอบโจทย์การเติบโตแบบยั่งยืน ESG ที่มุ่งเน้นเรื่อง Green

“ปัจจุบันเราวางโครงสร้างพื้นฐานผ่าน 4 แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเป๋าตัง ถุงเงิน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 33 ล้านคน และมีร้านค้ากว่า 1.5 ล้านร้านค้า ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะเป็น Foundation ที่จะช่วยขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะทำผ่าน 4 Step เริ่มจากการสร้างแพลตฟอร์ม การ Apply ลูกค้าไปใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล การตอบโจทย์โดยการนำข้อมูลมาให้บริการด้านแบงกิ้งได้ทุกทีjทุกเวลา และสุดท้ายคือการทำมาหาได้บน 3 Step แรกที่เราทำไป”