ธปท.เปิด 7 ข้อถาม-ตอบความแตกต่าง Retail CBDC PromptPay และ Cryptocurrency ระบุ เดือนก.ย.นี้ เตรียมทดลองวงจำกัดพนักงานธปท. 2 รูปแบบผ่านบัตร-แอปพลิเคชั่น ก่อนขยายบุคคลภายในสิ้นปี ยัน CBDC ไม่ถูกเก็บภาษีกำไรเหมือนกับ cryptocurrency
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมา กระแสของสกุลเงินดิจิทัลมาแรงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าว cryptocurrency สกุลต่างๆ หรือข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีแผนทดลองออกสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองเพื่อทดสอบการใช้ในระดับประชาชนหรือที่เรียกว่า retail CBDC ซึ่งย่อมาจาก retail central bank digital currency ทำให้บางท่านอาจมีข้อสงสัยว่า แล้ว retail CBDC ของแบงก์ชาติมีความเหมือนหรือต่างจาก cryptocurrency อย่างไร และแตกต่างจาก PromptPay ที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบันอย่างไร
Q1 : Retail CBDC คืออะไร ทำไม ธปท. ถึงต้องศึกษาและให้ความสนใจ
A : retail CBDC คือ เงินบาทที่เปลี่ยนรูปแบบจากธนบัตรมาเป็นรูปแบบดิจิทัลซึ่งออกโดยธนาคารกลาง โดย ธปท. นั้นให้ความสนใจศึกษาในมิติที่ว่า retail CBDC จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดย ธปท. และนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบชำระเงินที่เข้าถึงง่าย มีความปลอดภัยสูง และสามารถรองรับการนำเทคโนโลยีใหม่มาต่อ ยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นระบบการชำระเงินรายย่อยที่เอื้อให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึง เชื่อมต่อ และต่อยอดพัฒนาบริการทางการเงินใหม่ ๆ ได้ในอนาคต ปัจจุบันมีบางประเทศที่ออกใช้แล้วคือ ประเทศในแถบหมู่เกาะแคริบเบียน บาฮามาส และไนจีเรีย
Q2 : Retail CBDC แตกต่างอย่างไรกับ PromptPay ในปัจจุบัน
A : ปัจจุบันเรามี PromptPay เป็น “ระบบ” โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน ใช้โอนเงินที่ประชาชนมีในบัญชีธนาคารผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือเลขประจำตัวประชาชนแทนเลขบัญชี โอนได้สะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม ให้บริการโดยธนาคารที่ประชาชนนำเงินไปฝากไว้ ขณะที่ retail CBDC เป็นทั้ง “เงินสดในรูปดิจิทัล” และ “ระบบ” ช่องทางการชำระเงินสำหรับประชาชน ซึ่งออกและกำกับดูแลโดย ธปท.
retail CBDC ยังมีความแตกต่างจาก PromptPay ในเรื่องความสามารถในการเขียนเงื่อนไขลงบนเงิน (programmable money) ที่ retail CBDC สามารถเขียนเงื่อนไขให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ เช่น กำหนดเงื่อนไขผู้รับเงิน ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่มาต่อยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบการชำระเงินในยุคดิจิทัล ดังนั้น ในอนาคตหาก retail CBDC มีการออกใช้จริง จะเป็นเสมือนอีกทางเลือกหนึ่งให้กับประชาชนได้เลือกใช้ควบคู่ไปกับ PromptPay ในปัจจุบัน
Q3 : สามารถนำ Retail CBDC มาซื้อขายเพื่อเก็งกำไรเหมือนกับ Cryptocurrency เช่น Bitcoin ได้หรือไม่
A : ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า cryptocurrency คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน โดยจะใช้เทคนิคการเข้ารหัส (cryptography) ในการป้องกันและยืนยันธุรกรรมผ่านระบบที่เรียกว่า blockchain แต่เนื่องจาก cryptocurrency เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยภาคเอกชนที่ส่วนใหญ่ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ มาหนุนหลัง จึงทำให้มูลค่ามีความผันผวนสูงตามความต้องการซื้อขายของนักลงทุน
cryptocurrency แตกต่างอย่างมากจาก retail CBDC ซึ่งเป็นเงินบาทในรูปดิจิทัล ที่มีมูลค่าคงที่คือ 1 CBDC = 1 บาท และไม่สามารถนำมาซื้อขายเพื่อเก็งกำไรได้ โดย retail CBDC มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อไว้รองรับการใช้จ่ายของประชาชนที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบออนไลน์มากขึ้นไม่ใช่เพื่อการลงทุน และขอย้ำว่า CBDC ไม่ใช่ cryptocurrency
Q4 : Retail CBDC PromptPay และ Cryptocurrency ใช้เทคโนโลยีเดียวกันหรือไม่
A : retail CBDC อาจจะใช้หรือไม่ใช้ DLT ในการสร้างและประมวลผลก็ได้ (retail CBDC ของจีนไม่ได้ใช้ DLT ในการสร้างและประมวลผลรองรับการทำธุรกรรม) ส่วน PromptPay ไม่ได้ใช้ DLT ขณะที่ cryptocurrency ใช้ DLT ทั้งนี้ retail CBDC และ PromptPay จะต้องมีการทำกระบวนการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) เพื่อป้องกันการใช้งานที่ไม่พึงประสงค์หรือการฟอกเงิน ขณะที่ cryptocurrency ทั่วไปอาจไม่ต้องทำ KYC
Q5 : จากข่าวที่ Cryptocurrency จะถูกเรียกเก็บภาษีบนกำไรที่ได้จากการเทรดนั้น Retail CBDC จะถูกเก็บภาษีด้วยหรือไม่
A : retail CBDC เป็นเงินบาทที่เปลี่ยนรูปแบบจากธนบัตรมาเป็นรูปแบบดิจิทัลที่มีวัตถุประสงค์ออกมาเพื่อใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ จะไม่ถูกเก็บภาษีกำไรเหมือนกับ cryptocurrency ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน
Q6 : การที่ ธปท. เป็นผู้ออก Retail CBDC จะทำให้ ธปท. ทราบข้อมูลการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชนได้หรือไม่
A : ธปท. คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเป็นหลัก จึงได้ออกแบบระบบไม่ให้เห็นข้อมูลส่วนบุคคลและไม่สามารถนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในการทั่วไปได้ อย่างไรก็ตาม ธปท. จะเห็นข้อมูลการทำธุรกรรมในภาพรวม และมีกลไกบางอย่างเพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมที่ต้องสงสัยหรือธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้
Q7 : แผนการทดลอง Retail CBDC เป็นอย่างไร และบุคคลทั่วไปจะได้ใช้เมื่อไหร่
A : ธปท. มีแผนจะเริ่มทดสอบการใช้งาน retail CBDC ภายในวงจำกัดสำหรับพนักงาน ธปท. ในเดือนกันยายนนี้ ก่อนที่จะเริ่มขยายการทดสอบไปสู่บุคคลภายนอกบางกลุ่มในสิ้นปี 2565 เพื่อประเมินผลการทดสอบการใช้งานในเบื้องต้น
ส่วนการทดลองใช้งาน retail CBDC สำหรับพนักงาน ธปท. จะมี 2 รูปแบบ คือ ใช้งานผ่านบัตรและแอปพลิเคชัน ขณะที่การทดลองใช้งานกับบุคคลภายนอก จะทดลองในรูปแบบแอปพลิเคชันเท่านั้น
ขณะนี้ ธปท. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการออกใช้ retail CBDC ในวงกว้าง เนื่องจากจำเป็นต้องประเมินผลลัพธ์และความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ จากการทดสอบอย่างรอบคอบว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินในอนาคต เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ภาคธุรกิจ และประเทศในภาพรวม
อนึ่ง Distributed Ledger Technology (DLT) เป็นเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ให้สมาชิกในเครือข่ายสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และทำธุรกรรมระหว่างกันได้โดยตรงโดยไม่ผ่านตัวกลาง