ธ.ก.ส. เร่งเครื่องมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เตรียมโอนเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2560/61 ให้เกษตรกรทั่วประเทศกว่า 3.9 ล้านราย ในอัตราไร่ละ 1,200 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 12,000 บาท เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายในเดือนธันวาคม 2560 ยกเว้นพื้นที่ภาคใต้ภายในเดือนมีนาคม 2561 โดยปัจจุบันจ่ายไปแล้วกว่า 7.8 แสนราย เป็นเงินกว่า 7 พันล้านบาท
วันนี้ 22 ธ.ค.60 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาอำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ได้จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2560/61 ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,200 บาท หรือครัวเรือนละไม่เกิน 12,000 บาท โดยมีนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส.ผู้แทนหน่วยบัญชาการมณฑลทหารบกที่18 ค่ายอดิศร เกษตรจังหวัด คลังจังหวัด นายอำเภอเมืองสระบุรี ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 200 ราย ร่วมในพิธี
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน2560 ได้เห็นชอบให้ความช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการมอบเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2560/61 ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,200 บาท ไม่เกินรายละ 10 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 12,000 บาท โดยมีเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือกว่า 3.9 ล้านราย คิดเป็นงบประมาณกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรกำลังเร่งดำเนินการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวเพื่อนำไปจำหน่าย ธ.ก.ส. จึงได้วางเป้าหมายที่จะโอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2560 ยกเว้นในเขตพื้นที่ภาคใต้ที่ผลผลิตออกช้า คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2561 โดยได้นำร่องการจ่ายจำนวน 781,896 ราย เป็นเงิน 7,021 ล้านบาท สำหรับจังหวัดสระบุรีได้จ่ายครบถ้วน จำนวน 11,121 ราย วงเงินรวมกว่า 126 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรได้มีเงินทุนหมุนเวียนในการดูแลคุณภาพข้าวและเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อันจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย
นายอภิรมย์กล่าวต่อไปว่า นอกจากโครงการดังกล่าว ธ.ก.ส.ยังได้เร่งดำเนินงานโครงการอื่น ๆ เพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกในการขายผลผลิตในราคาที่เหมาะสม รวมถึงการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวของประเทศและสร้างความมั่นคงในเรื่องรายได้แก่เกษตรกร ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป้าหมาย 2.5 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 12,500 ล้านบาท สถาบันเกษตรกรจะรับภาระดอกเบี้ยเพียงแค่ 1% ต่อปี และรัฐบาลจะสนับสนุน 3% ต่อปี ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2560 มีผู้เข้าร่วมโครงการ 193 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 738,915 ตัน จำนวนสินเชื่อ 5,911.35 ล้านบาท
โครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2560/61 โดยสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกร สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ในการเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางเพื่อรอราคา เป้าหมาย 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 21,010 ล้านบาท ซึ่งเกษตรกรจะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าว ตันละ 1,500 บาท โดยจ่ายพร้อมสินเชื่อก่อนตันละ 1,000 บาท และจ่ายภายหลังนำเงินมาชำระหนี้อีกตันละ 500 บาท
ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2560 มีผู้เข้าร่วมโครงการ 1,446 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 28,809 ตัน จำนวนสินเชื่อ 234 ล้านบาท จากการดำเนินงานดังกล่าว ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2560 ปัจจุบันพบว่าราคาข้าวเปลือกมีแนวโน้มสูงขึ้น