ก.ล.ต.สั่งปรับ 6 ผู้กระทำความผิด อาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น RCI

หุ้นไทย

ก.ล.ต.เผยการดำเนินคดีมาตรการลงโทษทางแพ่ง 6 ผู้กระทำความผิด กรณีซื้อหุ้น RCI “บมจ.โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม” โดยอาศัยข้อมูลภายในรวมเป็นเงิน 11,39 ล้านบาท พร้อมห้ามเป็นกรรมการ-ผู้บริหาร

วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าบุคคลจำนวน 6 ราย ได้แก่

(1) นายรุ่งโรจน์ แสงศาสตรา (ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหาร กรรมการ RCI ประธานกรรมการบริหาร และประธานกรรมการ บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) (DCC))

(2) นางฉัฐรส อุตตมะโยธิน

(3) นางสาวสุภาณี ทองเปล่งศรี

(4) นายนครินทร์ แสงศาสตรา

(5) นายวิบูลย์ วัชรสุรังค์ (ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ RCI) และ

(6) นางวารี แก้วจินดา ได้ซื้อหุ้น RCI โดยอาศัยข้อมูลภายใน หรือช่วยเหลือการกระทำความผิด

โดยนายรุ่งโรจน์และนายวิบูลย์ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับการที่ DCC ประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้น RCI ทั้งหมดโดยสมัครใจที่ราคาหุ้นละ 4 บาท ซึ่งเป็นราคาเสนอซื้อที่สูงกว่าราคาตลาดที่มีการซื้อขายหุ้น RCI ในขณะนั้น

ในระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคม–27 สิงหาคม 2562 นายรุ่งโรจน์ได้ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น RCI โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางฉัฐรส นางสาวสุภาณี นายนครินทร์ และบุคคลภายนอก 1 ราย ซึ่งเป็นอดีตแม่บ้าน ส่วนนายวิบูลย์ได้ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น RCI โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางวารี ก่อนที่ DCC เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯในวันที่ 28 สิงหาคม 2562

การกระทำของนายรุ่งโรจน์และนายวิบูลย์ เป็นความผิดฐานซื้อหุ้น RCI โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

ส่วนการกระทำของนางฉัฐรส นางสาวสุภาณี นายนครินทร์ และนางวารี เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานซื้อหุ้น RCI โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/2 ประกอบมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 6 รายดังกล่าว โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ดังนี้

(1) นายรุ่งโรจน์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 8,128,126 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 20 เดือน

(2) นายวิบูลย์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 966,808 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 14 เดือน

(3) นางฉัฐรส นางสาวสุภาณี และนายนครินทร์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้นรายละ 575,138 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลารายละ 13 เดือน

(4) นางวารี ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 575,138 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 9 เดือน

การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้น จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต.จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ.กำหนด

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง