คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
ตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 พ.ค.) ปรับฐาน ดัชนีปรับลดลงต่อเนื่อง เพราะตลาดกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีก เพื่อคุมเงินเฟ้อที่ยังสูง
โดย “วิจิตร อารยะพิศิษฐ” ผู้อำนวยการอาวุโสนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่ง sidewaydown ลงกว่า 50 จุด จากการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ เดือน เม.ย.ที่ปรับลดลงมาเล็กน้อย แต่ยังสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ซึ่งสะท้อนว่าเงินเฟ้อยังเป็นปัจจัยกดดัน ทำให้ตลาดยังกังวลว่าเฟดอาจจะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีก ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง สวนทางกับเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้เกิดความเสี่ยงของฟันด์โฟลว์ในระยะสั้น ทำให้หุ้นไทยปรับฐานลงมา
สำหรับสัปดาห์ข้างหน้านี้ (17-20 พ.ค.) “วิจิตร” ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังเห็นสัญญาณของการย่อตัว sideway down โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,560-1,600 จุด
ซึ่งสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะมีการรายงาน GDP ไตรมาส 1 ของไทย ในวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งตลาดมองว่า GDP น่าจะยังอยู่ในโซนบวก
โดยคาดเติบโตได้ราว 1.7% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.9% ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่แต่ยังต้องติดตามการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะสะท้อนถึงเรื่องของเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ซึ่งเงินบาทอ่อนค่า แนะนำหุ้นกลุ่มอาหารส่งออกอย่าง GFPT ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติแนะนำ BDMS ด้านหุ้นที่เล่นกับบรรยากาศ (sentiment) ของการเติบโตและมีจังหวะในการปรับฐานลงมา
แนะนำ JMART ที่กำไรปีนี้ยังมีแนวโน้มเดินหน้าทำ all time high ได้อยู่ และสุดท้าย การบริโภคที่ทยอยฟื้นตัวเรื่อย ๆ ซึ่งเม็ดเงินจากการโฆษณาน่าจะเป็นตัวกระตุ้นยอดขายที่ดี จึงแนะนำ PLANB