กรุงศรีฯคาดเงินบาทซื้อขาย 34.50-34.85 บาท/ดอลลาร์ เกาะติดถ้อยแถลงเฟด

เงินบาท ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 34.50-34.85 บาทต่อดอลลาร์ พร้อมติดตามความเห็นประธานเฟด หลังนักลงทุนคาดประชุม 14-15 มิ.ย.นี้ เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ด้านจีดีพไทยไตรมาสแรกออกมา 2.2% สูงกว่าตลาดคาดไว้ พร้อมปรับลดการเติบโตปีนี้เหลือ 2.5-3.5%

วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.85 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.76 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 34.40-34.78 บาท/ดอลลาร์

โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปีครั้งใหม่ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าเงินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่ตลาดการเงินทั่วโลกเหวี่ยงตัวผันผวนหลังสินทรัพย์ดิจิทัลเผชิญแรงเทขายรุนแรง ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเมษายนของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้แต่ชะลอตัวจาก 8.5% ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 40 ปี

ข้อมูลชุดนี้ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปแต่พร้อมจะแบ่งรับแบ่งสู้มากขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้วแต่จะยังไม่ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 2,886 ล้านบาท และ 1,759 ล้านบาท ตามลำดับ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีฯคาดว่า ตลาดจะติดตามความเห็นของประธานเฟดและยอดค้าปลีกเดือนเมษายนของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 50bp ในการประชุมวันที่ 14-15 มิถุนายน ทางด้านเงินเยนอาจฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องหากบอนด์ยีลด์ของสหรัฐ ย่อตัวลงหรือแกว่งตัวในลักษณะย่ำฐานและไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ของรอบท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจจีนและสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกซึ่งกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

ส่วนเงินยูโรอาจเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำต่อไปแม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ แต่การสู้รบยังคงยืดเยื้อและวิกฤตราคาพลังงานยังไม่มีสัญญาณคลี่คลายลง

สำหรับปัจจัยในประเทศ จีดีพีไตรมาส 1/65 ขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 2.5-3.5% แต่ปรับเพิ่มคาดการณ์มูลค่าส่งออกเป็นขยายตัว 7.3% ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าการอ่อนค่าของเงินบาทมีผลต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจในภาพรวมค่อนข้างจำกัด และการดำเนินนโยบายของ ธปท.ยังคงให้น้ำหนักไปที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นหลัก

อนึ่ง กรุงศรีฯมองว่าแม้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายเริ่มมีสัญญาณไหลออกต่อเนื่องมากขึ้นในเดือนนี้ แต่หากบอนด์ยีลด์สหรัฐ เข้าสู่ช่วงพักตัว การอ่อนค่าของเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้างในระยะนี้