ผู้ถือหุ้นเดิมบริษัท “ธนูลักษณ์” 7 รายบิ๊กลอตขายหุ้น TNL ให้บริษัท “สหพัฒนอินเตอร์โฮลดิ้ง” มูลค่ารวม 1,058 ล้านบาท(ธุรกรรมเกี่ยวโยง) ขยับถือหุ้น 66.75% เดินหน้าเทนเดอร์ออฟเฟอร์อีก 33.25% มูลค่า 841 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จ ก.ค.65
วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 16 พ.ค.65 ได้อนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) (TNL) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนัง เพิ่มเติมโดยการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของ TNL
- “พลังงานไฮโดรเจน” ถูกกว่าน้ำมัน 60% ไทยเริ่มศึกษาแต่ เยอรมัน กำลังจะเลิกใช้
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทจำนวน 7 ราย ได้แก่ 1.บริษัท ไอ.ดี.เอฟ. จำกัด (IDF) 2.บริษัท รามศรทวีการ จำกัด(RST) 3.นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา 4.นายสำเริง มนูญผล 5.นางสาวศิริกุล ธนสารศิลป์ 6.บริษัท ยูนีเวอร์สบิวตี้ จำกัด (UB) และ 7.นายวีรพัฒน์ พูนศักดิ์อุดมสิน (รวมเรียกว่าผู้ขาย)
รวมทั้งสิ้น 50.17 ล้านหุ้น คิดเป็น 41.81% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วของ TNL ในราคา 21.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,058 ล้านบาท รวมถึงการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น ข้อตกลง สัญญาอื่นๆ และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นของ TNL นั้น โดยคาดว่ากระบวนการซื้อขายหุ้นสามารถดำเนินการแล้วเสร็จในวันที่ 17 พ.ค.นี้ หรือภายในเดือน พ.ค.65 โดยธุรกรรมการโอนหุ้นที่ซื้อขายจะดำเนินการผ่านวิธีบิ๊กลอตผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นจากผู้ขายเสร็จสมบูรณ์ บริษัทจะถือหุ้นสามัญของ TNL เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมจำนวน 29.92 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 24.93% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด และสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ TNL เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 80.09 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 66.75% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด และสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ TNL ส่งผลให้บริษัทได้มาซึ่งหุ้นสามัญใน TNL จนมีสัดส่วนการถือหุ้นใน TNL ข้ามจุดที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด (Mandatory Tender Offer)
ดังนั้น บริษัทจึงมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ TNL เป็นจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 39.90 ล้านหุ้น (หรือคิดเป็น 33.25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ TNL) ภายในระยะเวลาที่กำหนด ในราคา 21.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาเดียวกันกับการได้มาซึ่งหุ้นที่ซื้อขายในครั้งนี้ และเป็นราคาสูงสุดที่บริษัทฯ
รวมถึงบุคคลตามมาตรา 258 ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ .ศ. 2535 (รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม) ของบริษัทได้มาในช่วง 30 วันก่อนวันที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นจากผู้ขาย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 841.95 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ TNL จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2565
โดยจะใช้เงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานของบริษัทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน