ราคาน้ำมันดิบทะยาน จากเหตุระเบิดท่อขนส่งน้ำดิบในมันลิเบีย

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่อภาวะอุปทานตึงตัว หลังจากกลุ่มติดอาวุธวางระเบิดท่อขนส่งน้ำมันดิบในลิเบีย ซึ่งขนส่งน้ำมันไปยังท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบ Es Sider โดยคาดว่ากำลังการขนส่งน้ำมันดิบราว 0.7 -1.0 แสนบาร์เรลอาจได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในครั้งนี้

+ นายจาบาร์ อัล-ลูไอบี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิรัก คาดว่าตลาดน้ำมันจะปรับเข้าสู่จุดสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานภายในไตรมาสแรกของปี 2561 พร้อมทั้งระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโลก (OECD Oil Stocks) ได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่แสดงว่าราคาน้ำมันดิบอาจปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2561

+ จีนจำกัดการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปยังเกาหลีเหนืออย่างเข้มงวดขึ้น นับเป็นการปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือที่ทดสอบขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์ โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซิน ดีเซล น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเตาจากจีนไปยังเกาหลีเหนือเป็นศูนย์ ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา

– ท่อส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนือ จะสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติในช่วงต้นเดือน ม.ค. หลังจากที่ถูกปิดดำเนินการเป็นเวลาหลายสัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อจากศรีลังกาที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกจากจีนที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 56 – 61 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 64 – 69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาการปิดซ่อมบำรุงท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ที่ขนส่งน้ำมันดิบได้ถึง 450,000 บาร์เรลต่อวัน หลังถูกปิดซ่อมบำรุงในวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากตรวจพบรอยร้าวของท่อในละแวกชายฝั่งของเมือง Aberdeen โดย Ineos ผู้ดำเนินการท่อขนส่งเปิดเผยว่าท่อขนส่งดังกล่าวจะกลับมาดำเนินการได้ในช่วงต้นเดือน ม.ค

ติดตามการร่วมมือของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกที่มีเป้าหมายจะลดปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Oil Stocks) สู่ระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี โดยตั้งเป้าหมายจะลดกำลังการผลิตที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนสิ้นปี 2561 ซึ่งความร่วมมือยังคงอยู่ในระดับที่สูง นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียกล่าวว่าจะพิจารณาปรับขึ้นปริมาณการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตสิ้นสุดลง

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค. ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่จูงใจให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะและผลิตน้ำดิบมากขึ้น