ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลัง รมว.คลัง มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง

ภาพ : pixabay

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังรมว.คลัง มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ผู้ว่าฯธปท.ยันดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างยืดหยุ่น ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามเฟด

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/5) ที่ระดับ 34.65/67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (18/5) ที่ระดับ 34.58/60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หลังนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

“ดิฉันคิดว่าสหรัฐอยู่ในสถานะดีที่สุดที่จะเผชิญความท้าทายจากสงครามในยูเครน เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง” นางเยลเลนกล่าว ก่อนการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่ม G7 ที่กรุงบอนด์ ประเทศเยอรมนี

นางเยลเลนระบุว่า สงครามในยูเครนส่งผลให้ราคาอาหารและพลังงานพุ่งขึ้นทั่วโลก และทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกเกิดความไม่แน่นอน นอกจากนี้ นางเยลเลนเปิดเผยว่า มาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและพันธมิตรกำลังส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการเงินของรัสเซียในการสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน

“รัสเซียกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเงินเฟ้อสูง ขณะที่ระบบการเงินเผชิญความท้าทาย ทำให้ไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบที่ต้องการในการสนับสนุนเศรษฐกิจและการทำสงคราม” นางเยลเลนกล่าว และเสริมว่าบริษัทผลิตรถถัง 2 แห่งของรัสเซียต้องปิดทำการเมื่อไม่นานมานี้เนื่องจากขาดแคลนอะไหล่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงว่า ในส่วนของ ธปท.เอง มีการดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบายการเงิน รวมถึงการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างยืดหยุ่น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเฟด

ทั้งนี้การดำเนินนโยบายในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น ธปท.จะพิจารณาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก 3 ด้าน คือ 1.อัตราเงินเฟ้อ 2.เสถียรภาพระบบการเงิน และ 3.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยก็จะไม่ตัดทิ้ง ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด

ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น ทำให้ ธปท.จำเป็นต้องจับตาใน 2 ประเด็น คือ การเคลื่อนย้ายเงินทุน และเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทย แต่ในขณะนี้ในภาพรวมของเงินทุนเคลื่อนย้ายยังไม่พบความผิดปกติหรือน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังมีความเข้มแข็ง เพราะหนี้ต่างประเทศไม่สูงมาก อีกทั้งเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 34.58-34.665 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.58/61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้านี้ (19/5) ที่ระดับ 1.0485/57 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (18/5) ที่ระดับ 1.0516/18 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0460-1.0509 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0494/96 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/5) ที่ระดับ 128.48/50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (18/5) ที่ระดับ 129.14/16 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หลังกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (19 พ.ค.) ว่า ยอดส่งออกในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 หลังจากพุ่งขึ้น 14.7% ในเดือน มี.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 13.8% โดยยอดส่งออกได้แรงหนุนจากอุปสงค์เหล็กและแร่เชื้อเพลิงที่แข็งแกร่งจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 127.81-128.95 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 127.88/90 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐจากเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย เดือน เม.ย. (19/5)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.70/-1.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -2.5/0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ