MTC เตรียมขายหุ้นกู้ 3 รุ่น ในเดือน มิ.ย. จ่ายดอกเบี้ย 3.45-3.90%

หุ้นกู้

“เมืองไทย แคปปิตอล” หรือ MTC เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 3 รุ่น ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ชูผลตอบแทน 3.45-3.75-3.90% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน คาดเสนอขาย 2 มิ.ย. และ 6-7 มิ.ย. นี้

วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) รวม 3 รุ่น ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทน 3.45% ต่อปี หุ้นกู้ 4 ปี อัตราผลตอบแทน 3.75% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 4 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราผลตอบแทน 3.90% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน

โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน และวันที่ 6-7 มิถุนายน 2565 นี้ ซึ่งอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565

ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade มั่นใจได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทที่มีอัตราการเติบโตที่สม่ำเสมอ และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่

ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และใช้ในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการของบริษัทต่อไป

“เรามีความมั่นใจว่าหุ้นกู้ของ MTC จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากธุรกิจของ MTC มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งสะท้อนผ่านอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB+ จาก ทริสเรทติ้ง แสดงให้เห็นถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและฐานเงินทุนที่แข็งแรงของบริษัท

รวมทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดี และคุณภาพสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ตลอดจนแหล่งเงินทุนที่หลากหลายและสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัท” นายปริทัศน์กล่าว


ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าว มีผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 4 รายด้วยกัน คือ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)