TEKA คาดเสนอขายหุ้นไอพีโอ 75 ล้านหุ้นไตรมาส 2 นี้

TEKA

บมจ.ฑีฆาก่อสร้าง หรือ TEKA ผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้าง รอเคาะราคาหุ้นไอพีโอ (IPO) เดินหน้าเสนอขายหุ้นไอพีโอ 75 ล้านหุ้นภายในไตรมาส 2 นี้ และเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปีนี้ ระดมทุนเป็นเงินหมุนเวียน-ขยายกิจการ

วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ TEKA ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยกำลังรอระบุราคาหุ้นไอพีโอ (IPO) โดยคาดว่าจะได้เสนอขายต่อประชาชนภายในไตรมาส 2 นี้ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2565

นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้บริษัทยังคงเติบโตมากจากผลงานที่มีคุณภาพและการควบคุมราคาต้นทุนที่ดี โดยบริษัทได้มีนโยบายในการคุมความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น และได้รับความไว้วางใจให้รับโครงการใหญ่ๆ ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าบริษัทมีคุณภาพ ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายที่จะกระจายการรับงานก่อสร้างเพื่อเพิ่มโอกาสในการรับงานที่มีความหลากหลายมากขึ้นและเพื่อเพิ่มโอกาสในขยายธุรกิจออกไปในอนาคต อาทิ โรงงาน หรือโรงพยาบาล

นายชโลธร ลีลามะลิ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับงานก่อสร้างที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ รวมถึงใช้ในการจัดหา ซ่อมแซม และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์การก่อสร้างต่าง ๆ

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงปี 2562-2564 บริษัทฯ มีรายได้จากงานก่อสร้าง 2,404.00 ล้านบาท, 2,453.63 ล้านบาท และ 1,594.37 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ในปี 2564 ชะลอตัวลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และมีโครงการขนาดใหญ่ที่ดำเนินการก่อสร้างใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ในช่วงปลายโครงการก่อสร้าง โดยในปีที่ผ่านมามีโครงสร้างรายได้จากโครงการภาคเอกชน 90% และมาจากโครงการภาครัฐ 10% ทั้งนี้ในปี 2565 นี้คาดว่ารายได้ส่วนใหญ่คงมาจากโครงการภาคเอกชนเป็นหลัก เน่องจากโครงการของทางภาครัฐจะมีการประมูลเกิดขึ้นในช่วงปลายปี