“อาคม” เตรียมออกมาตรการใหม่ ไม่เหวี่ยงแห เน้นช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง

รมว.คลัง รับโจทย์รองนายกฯ ช่วยเหลือประชาชนโดนผลกระทบโควิด-ราคาพลังงาน เร่งสรุปสัปดาห์ที่ 3 เดือน มิ.ย.นี้ เน้นช่วยเฉพาะกลุ่ม ลดค่าใช้จ่ายดูแลวินมอเตอร์ไซค์ต่อ ส่วน “คนละครึ่ง เฟส 5” ส่งสัญญาณชะลอออกไป ชี้เม็ดเงินมีจำกัด เน้นออกมาตรการดูแลถูกฝาถูกตัว

วันที่ 13 มิถุนายน 2566 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้รับโจทย์จาก นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชน โดยรูปแบบจะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และผู้ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือแนวทางกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน มิ.ย.นี้

“ช่วงที่โดนโควิดกระทบ ก็มีผลต่อกำลังซื้อ แต่เรื่องน้ำมันรายได้ยังมี แต่กำลังในการเติมน้ำมันนั้นน้อยลง จึงอยากช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มประชาชนฐานราก อย่างกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ จะดูว่าจะสามารถช่วยเหลือต่อไปได้อย่างไรบ้าง เช่น เป็นการลดค่าใช้จ่าย แต่จะต้องเป็นวินมอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก ดังนั้น มาตรการที่เหวี่ยงแหแบบทั่วไปก็คงลดน้อยลง”

ส่วนโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ไม่ได้ดำเนินการด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่ใช้งบจากเงิน พ.ร.ก.กู้เงิน ซึ่งการกู้เงินก็มีเหตุผลที่จะต้องกู้มาเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่งสามารถทำได้ อย่างไรก็ดี เมื่อเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวกลับมา ความจำเป็นในการออกมาตรการอาจจะลดน้อยลงไป และการออกคนละครึ่งจะต้องช่วยเหลือรวมทั้งในกลุ่มบัตรคนจนด้วย ซึ่งใช้งบประมาณค่อยข้างมาก

“ความจำเป็นที่จะใช้มาตรการในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นกลับเข้ามา จะต้องเน้นทำให้ถูกฝาถูกตัวมากขึ้น เพราะทุกประเทศก็ต้องดูรายได้ของรัฐบาล จะใช้จ่ายเหมือนเดิมไม่ได้ ซึ่ง พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท มีวงเงินเหลืออยู่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท อาจจะไม่เพียงพอ เพราะการใช้งบประมาณในการออกมาตรการแต่ละครั้ง 3-5 หมื่นล้านบาท”

ขณะที่ข้อจำกัดของรายได้ต้องปรับทางด้านนโยบายการคลังให้เข้าสู่ภาวะปกติ เพราะรับหนี้เข้ามาจาก พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 2 ฉบับกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งมีการพูดถึงมาโดยตลอดว่า เมื่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น จะมีแนวทางหารายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งเป็นโจทย์ แต่วงเงินจาก พ.ร.ก. ได้นำได้เยียวยา 6.6 แสนล้านบาท ซึ่งในแง่ภาครัฐก็ช่วยเหลือจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเยียวยาผู้อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33, 39 และ 40 ที่เป็นอาชีพอิสระ ฉะนั้น ในระยะต่อไปจะต้องหารายได้เพิ่มขึ้น