บลจ.กสิกรไทย มองสิ้นปี’65 หุ้นไทยเเตะ 1,750 จุด ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุน

หุ้น-ร้านอาหาร

บลจ.กสิกรไทย ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET) สิ้นปี 2565 มีโอกาสแตะที่ระดับ 1,750 จุด มองครึ่งปีหลัง โควิดลด เปิดประเทศหนุนท่องเที่ยว พร้อมด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยหนุน 

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในระยะสั้นยังคงผันผวนอยู่ในกรอบแคบ ตามความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อควบคุมสถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง สืบเนื่องมาจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นรุนแรง

               

อย่างไรก็ตาม ทาง บลจ. กสิกรไทยยังคงมองเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2565 อยู่ที่ระดับ 1,750 จุด หรืออาจยืนในระดับที่สูงกว่านี้ได้ที่ 1,800 จุด หากสถานการณ์เงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายลง เนื่องจากคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปัจจัยดังต่อไปนี้

1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

2.การระบาดของโควิด-19 ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

3.มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านหลายโครงการของรัฐบาล

4.การบริโภคในประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับกลยุทธ์การลงทุนจะเน้นเป็นการเลือกลงทุนหุ้นรายตัว (Selective) โดยพิจารณาเลือกหุ้นที่มีการเติบโตที่แน่นอน (Quality Earnings Growth) มีโอกาสฟื้นตัวสูง (High Potential for Recovery) และได้รับประโชน์จากการเปิดประเทศ (Reopening Theme)” นางสาวธิดาศิริ กล่าว

โดยในปีนี้จะเห็นว่าตลาดหุ้นในฝั่งพัฒนาแล้ว หรือ Developed Market (DM) อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือยุโรป จากในอดีตที่เคยมีผลตอบแทนเป็นบวก มาในปีนี้มีผลตอบแทนที่ติดลบอยางหนัก สวนทางกับฝั่งตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging Market  (EM) ในโซนฝั่งอาเซียนที่มีผลตอบแทนในปีนี้ที่ดูดีกว่าค่อนข้างมาก จากเดิมที่ตลาดฝั่งอาเซียนจะไม่ค่อยดึงดูดความสนใจเนื่องจากเป็นเศรษฐกิจแบบเก่า (old economy) ซึ่งเติบโตช้าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยี นวัตกรรมที่มีอยู่มากในฝั่งตลาดพัฒนาแล้ว ทำให้ปีนี้จะเห็นว่าตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุน

โดยการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) มองว่าประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความน่าสนใจใน 5 มิติ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปัจจัย ดังนี้

1.เศรษฐกิจในประเทศเติบโตต่อเนื่องทั้งในระยะกลางและยาว

2.ระบบการเงินที่มีเสถียรภาพ

3.การสนับสนุนจากรัฐบาลในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

4. ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานทำให้การบริโภคในประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่สูง

5. การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องจากการย้ายฐานการผลิต

“เชื่อว่าแม้ตลาดหุ้นเวียดนามปัจจุบันจะปรับฐานลง ซึ่งมาจากปัญหาภายในประเทศเกี่ยวกับการปราบปรามหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ แต่ปัจจัยอื่น ๆ ก็ยังทำให้เวียดนามยังคงเป็นตลาดการลงทุนที่น่าสนใจในระยะยาว 3-5 ปี มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้” นางสาวธิดาศิริ กล่าว