Fitch คงเรตติ้งประเทศไทย จับตา 4 ปัจจัยส่งผลกระทบ

ธงชาติไทย
FILE PHOTO : Behrouz MEHRI / AFP

Fitch คงเรตติ้งประเทศไทย “BBB+” ประเมินปีนี้ขาดดุลงบประมาณ-ดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง จับตา “เงินเฟ้อเพิ่ม-หนี้ครัวเรือน-สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ-ความไม่แน่นอนทางการเมือง” ส่งผลกระทบระยะปานกลาง

วันที่ 25 มิถุนายน 2565 เมื่อเร็ว ๆนี้ นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign
Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

โดย Fitch มองว่าภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความเข้มแข็งเป็นผลจากการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบ โดยมีกรอบนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่ง ซึ่ง Fitch Ratings คาดว่า ปี 2565 ประเทศไทยจะขาคดุลงบประมาณลดลง เนื่องจากมีการจัดเก็บรายได้ที่มีประสิทธิภาพ และมีมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ที่ผ่อนคลายขึ้น

สำหรับสัดส่วนหนี้ภาครัฐบาล (General Govemment Debt) ต่อ GDP ของประเทศไทยปี 2565 คาดว่า จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 55.4% ต่อ GDP ซึ่งอยู่ในระดับค่ากลางเดียวกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกัน โดยจะสูงขึ้นเป็น 56.6% ต่อ GDP ในปี 2569 อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยจะสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีแนวทางการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบและมีหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินบาท ประกอบกับมีตลาดทุนในประเทศที่มั่นคง

นอกจากนี้ Fitch คาดว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยจะขยายตัวที่ 4.5% เนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและการกลับมาของนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 6.5 ล้านคนในปี 2565 เป็น 22 ล้านคนในปี 2566

ขณะที่ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่เพียงพอสำหรับใช้จ่ายถึง 7.8 เดือน ซึ่งอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่ากลางของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกันที่ 5.6 เดือน

ทั้งนี้ Fitch ดาคว่า ปี 2565 ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทยจะขาดดุล 1.8% ต่อ GDP ซึ่งลดลงจาก 2.1% ต่อ GDP ในปี 2564 และจะกลับมาเกินดุลที่ 1.0% ต่อ GDP และ 2.3% ต่อ GDP ในปี 2566 และปี 2567 ตามลำดับ จากภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น

“ประเด็นที่ Fitch ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ แรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาครัฐและการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะปานกลาง” นางแพตริเซียกล่าว