“สมคิด” ส่งสัญญาณ “แบงก์ชาติ” รักษาเสถียรภาพ “ค่าเงินบาทแข็ง” เกาะติดบิตคอยป่วนโลก ปลอบแบงก์พาณิชย์-ปรับตัวรับฟินเทค

“สมคิด” ส่งสัญญาณ “แบงก์ชาติ” รักษาเสถียรภาพ “ค่าเงินบาทแข็ง”-เกาะติดบิตคอยป่วนโลก ปลอบแบงก์พาณิชย์-ปรับตัวรับฟินเทค

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือข้อราชการกับผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ว่า กรณีค่าเงินบาทแข็งค่าเนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นมาก การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการลงทุนในตลาดหุ้นภายในประเทศจำนวนมาก จากการคาดการณ์ของนักลงทุนว่าแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจจะมุ่งมาสู่เอเชียส่งผลให้ตลาดหุ้นดีขึ้นยกแผง ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าในระนาบเดียวกันทั่วทั้งภูมิภาค ยกเว้นประเทศที่มีปัญหาการเมืองภายใน

“แบงก์ชาติมีหน้าที่รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผิดปกติก็ต้องเข้าไปดูแล ไม่ให้ผันผวนให้เป็นไปตามระนาบเดียวกันตามภูมิภาค”

@ ปลอบแบงก์พาณิชย์ปรับองค์กรรับฟินเทค
นอกจากนี้นายสมคิดยังหารือถึงเรื่องเทคโนโลยีฟินเทค ว่า ธนาคารพาณิชย์อย่าวิตกกังวลเรื่องฟินเทค ต้องคำนึงถึงข้อดีของฟินเทคที่จะมาช่วยเสริมในส่วนที่ธนาคารพาณิชย์ขาดหายไป ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างสตาร์ทอัพเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้กระทรวงการคลังรับไปดูแนวทางการสนับสนุนระบบฟินเทคให้เกิดขึ้น

@ กำชับแบงก์ชาติเกาะติดบิตคอย
นายสมคิดกล่าวเพิ่มเติม ว่า ขณะที่เรื่องบิตคอยซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ จึงไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเดินไปสู่อะไร ซึ่งจะไปต่อต้านก็ไม่ได้เพราะเป็นการเคลื่อนไหวในทุกแห่งในโลก ซึ่งจากการหารือกับธปท. ได้ข้อสรุปว่าบิตคอยน์ยังไม่ใช่เครื่องมือของการลงทุนที่สามารถหวังผลได้ในอนาคต ยังไม่ได้มาทดแทนระบบการเงินปัจจุบัน อย่างไรก็ตามธปท.จะช่วยดูแลไม่ให้เป็นกลไกของการฟอกเงิน ติดตามพัฒนาการของบิตคอยเพราะเมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่งบิตคอยน์อาจจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า และอย่าให้เกิดการหลอกลวง