50 : 30 : 20 เทรนด์จัดสรรเงินเดือน วิธีเอาตัวรอดของคนรุ่นใหม่

เทรนด์การจัดสรรงเินเดือน
(เครดิตภาพ พิกเซล)

เทรนด์โซเชียลในทุกวันนี้นอกจากวิดีโอการใช้ชีวิตประจำวันจะเป็นที่นิยมแล้ว การเอาตัวรอดของคนวัยทำงานด้วยการเปิดเผยสัดส่วนเงินเดือนให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ก็เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน

เทรนด์การเปิดเผยสัดส่วนเงินเดือนดูเหมือนจะเป็นเพียงกระแสโซเชียลเล็ก ๆ ที่อาจจะผ่านไปในเวลาต่อมา ในทางกลับกันผู้คนวัยทำงานยุคนี้ไม่ได้มองการจัดสรรสัดส่วนเงินเดือนเพื่อนำเงินออมมาใช้ในเป้าหมายเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น แต่มองไกลไปถึงชีวิตหลังเกษียณ

“ประชาชาติธุรกิจ” พามาฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินอย่าง “โค้ชหนุ่ม” จักรพงษ์ เมษพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะมันนีโค้ช และลีฟริช ฟอร์เอฟเวอร์ จํากัด กับกระแสการจัดสรรเงินเดือนของวัยทำงานยุคใหม่

เทรนด์การจัดสรรเงินเดือน
โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ จากเพจ The Money Coach

เปิดที่มากระแสการจัดสรรเงินเดือน

นายจักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือโค้ชหนุ่มมองว่า กระแสการจัดสรรเงินเดือนเกิดขึ้นกับคน 2 กลุ่ม

1.กลุ่มภาวะเงินเดือนไม่พอใช้ ทำให้มนุษย์วัยทำงานต้องหันกลับมาลงรายละเอียดกับรายรับและรายจ่าย และจัดความสำคัญในการใช้จ่ายโดยคำนึงถึงความจำเป็นเป็นอันดับแรก เพื่อให้เราสามารถมองเห็นภาพรวมของการใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้น

2.กลุ่มที่มีความรู้ด้านการเงินอยู่แล้ว แต่อาจมีความต้องการออมในจำนวนที่สูงขึ้นเลยต้องหันมาจัดสรรเงินเดือนของตัวเอง

Advertisment

50 : 30 : 20 สูตรสำเร็จ ?

พูดถึงสูตรสำเร็จในการจัดสรรเงินเดือนอย่าง 50 : 30 : 20 แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน 50% ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 30% และเงินสำหรับเก็บออม/ลงทุน 20% ของเงินเดือนทั้งหมด โค้ชหนุ่มมีความเห็นว่า ถ้าเราสามารถจัดสรรเงินเดือนของตัวเองได้ตามสูตรแล้วมีความสุข เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองก็ไม่มีอะไรแปลก เนื่องจากปัจจัยทางการเงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เปรียบเทียบคนสองคนที่ได้รับเงินเดือนจำนวนเท่ากันแต่มีภาระค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน คนที่มีภาระค่าใช้จ่ายมากกว่าก็อาจจะใช้สูตรสำเร็จนี้ไม่ได้

เพราะฉะนั้นคนเราไม่มีความจำเป็นจะต้องรู้สึกผิดในเปอร์เซ็นต์เงินออมที่น้อยกว่าคนอื่น ในขณะเดียวกันการทำความเข้าใจกับสถานะการเงินของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า หลังจากนั้นค่อยเริ่มมองหาโอกาสเพิ่มรายได้ของตัวเองให้มากขึ้นจนสามารถยกระดับสถานะการเงินของตัวเองให้ดีได้ ซึ่งสิ่งนี้คือหัวใจหลักของการรับผิดชอบชีวิตการเงินและเป็นพื้นฐานการสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคง

Advertisment

โค้ชหนุ่มกล่าวว่าการมาของกระแสนี้ทำให้คนตระหนักถึงค่าใช้จ่ายมาก ส่งผลให้ชีวิตของเขาสามารถตัดสินใจใช้จ่ายกับสิ่งที่เป็นความสุขเพิ่มเข้ามาในชีวิตได้มากขึ้น เช่น การจัดสรรเวลาไปเที่ยว ซื้อของที่ต้องการ โดยไม่ต้องมองเรื่องความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากมีความอุ่นใจกับเงินสำรองที่มีไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งอาจต่อยอดไปจนถึงวัยเกษียณให้มั่นใจได้ว่า ตัวเราเองจะใช้ชีวิตไปในแบบที่ไม่เดือดร้อนใคร ดูแลตัวเองได้ในวันที่เราไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้อีกแล้ว

สิ่งหนึ่งที่โค้ชหนุ่มมองต่างคือ การมีอยู่ของกระแสนี้อาจทำให้คนบางกลุ่มรู้สึกกดดันจนเกินไปก็ไม่เป็นผลดีทั้งทางด้านความรู้สึกและทางสภาพการเงิน การเริ่มต้นจัดสัดส่วนในแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปอาจเป็นทางเลือกที่ดีมากกว่าที่จะทำให้เราทำตามกระแสนี้ได้สำเร็จอย่างต่อเนื่อง

เหลือกิน เหลือใช้ แล้วแบ่งออม

ถึงแม้จะเป็นกระแสที่มาแรง อีกทั้งยังเป็นสูตรนิยมที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน แต่โค้ชหนุ่มกลับมองว่า ความเป็นปัจเจกของมนุษย์ ความฝัน หรือแม้กระทั่งเป้าหมายในชีวิตที่ใช้เงินเป็นเรื่องสนับสนุนของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญมากกว่าการทำตามกระแสคือผลลัพธ์ที่ว่า

“ทุกคนมีเงินพอใช้และเหลือเก็บในทุกเดือนนั้นเพียงพอแล้ว”

กระแสการจัดสรรเงินเดือนคงไม่ใช่เพียงแค่เก็บเงินมานอนไว้ในบัญชีเฉย ๆ เพราะการออมเงินโดยมีเป้าหมายจะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่า โค้ชหนุ่มเสนอว่า การออมเริ่มต้นได้ง่ายกว่าที่คิด คือการตั้งเป้าหมายว่าเราจะออมไปเพื่ออะไร เป้าหมายอย่างการออมเพื่อเป็นเงินสำรอง เพื่อนำไปซื้อประกันชีวิต เพื่อไปท่องเที่ยว ศึกษาต่อ หรือแม้กระทั่งการออมเพื่อนำออกมาใช้หลังเกษียณ

เป้าหมายการออมเหล่านี้จะทำให้เกิดแรงจูงใจที่ดี และการออมอย่างต่อเนื่องจะนำเราไปสู่ความสำเร็จในการออมครั้งนั้น โดยเริ่มต้น “เท่าที่ไหว” แล้วค่อยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ

เหนือชั้นกว่าของการออม 

การลงทุนคือสเต็ปถัดมาที่สามารถทำได้ในวันที่รู้สึกมั่นคงกับการออม จนเริ่มมองหาลู่ทางความงอกเงยให้กับเม็ดเงินก้อนนั้นแทนการทำงานเพิ่มเติม

สำหรับการลงทุนโค้ชหนุ่มยังคงยึดมั่นกับการตั้งเป้าหมายไว้เป็นอันดับแรก ด้วยความเชื่อที่ว่าการลงทุนไม่ใช่แค่วิธีเอาชนะสภาวะเงินเฟ้อ หรือทำให้เงินงอกเงยขึ้นมาเพียงเท่านั้น การกำหนดเป้าหมายจะทำให้เราสามารถเลือกประเภทของการลงทุนที่ถูกต้องและได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ เพื่อให้เราสามารถมองภาพผลตอบแทนได้อย่างชัดเจน และได้รับความเสี่ยงที่เหมาะสม

การรู้จัก การเข้าใจเป้าหมายและประเภทของการลงทุนที่เราเลือกนั้นเป็นอย่างดีนั้นสำคัญมากกว่าโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูง หรือการลงทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในความเป็นจริงความเสี่ยงที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการที่เราไม่รู้จักและไม่มีความเข้าใจในการลงทุนครั้งนั้นเลยต่างหาก โค้ชหนุ่มเชื่อว่า การศึกษาเรื่องการลงทุนจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและเรียนรู้ให้เกิดความมั่นใจ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะตกขบวนเทรนด์