สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างการศึกษาของแคปเจมิไน บริษัทข้ามชาติที่ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเผยแพร่เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า เศรษฐีทั่วโลกในปี 2559 ที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ราว 16.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์ และมีทรัพย์สินรวมกันมีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ด้วย ที่ประมาณ 63.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,118 ล้านล้านบาท
รายงานของแคปเจมิไนระบุว่า ในปีที่แล้วมีผู้ที่กลายเป็นมหาเศรษฐีราว 1.15 ล้านคน ขณะที่ทรัพย์สินของผู้มีความมั่งคั่งสูง(เอชเอ็นดับเบิลยูไอ) ที่แคปเจมิไน ให้คำนิยามว่าคือบุคคลที่มีสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้มูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปนั้น ในปีที่แล้วเพิ่มขึ้นรวมกันคิดเป็น 8.2 เปอร์เซ็นต์ และทรัพย์สินรวมกันยังจะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุ 100 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี และจีน เป็นชาติที่มีจำนวนเศรษฐีมากที่สุด โดยมีจำนวนรวมกันคิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของจำนวนมหาเศรษฐีในโลกทั้งหมด ปีที่แล้วในสหรัฐมีจำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นจาก 4.46 ล้านคน เป็น 4.8 ล้านคน ส่วนจีนเพิ่มขึ้นจากกว่า 1 ล้านคน เป็น 1.13 ล้านคน ในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และ อเมริกาเหนือ มีจำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นในอัตราเท่ากัน ส่วนรัสเซีย บราซิล และ แคนาดา ก็กลับมามีเศรษฐีเพิ่มขึ้นจากที่มีจำนวนลดลงไปในปีก่อนหน้า โดยในรัสเซียเป็นผลมาจากตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวดีขึ้น
ขณะที่ฝรั่งเศสแซงอังกฤษ อยู่ในท็อป 5 ของประเทศที่มีเศรษฐีเยอะ ผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนสวีเดนเขี่ยสิงคโปร์หลุดโผใน 25 อันดับไปเหตุจากตลาดหุ้นทรุดลง
รายงานระบุอีกว่า สินทรัพย์ในตลาดหุ้นของกลุ่มมหาเศรษฐีเหล่านี้ยังมีเพิ่มขึ้นเป็น 31.1 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 เมื่อเทียบกับ 27.3 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว ขณะที่มีรายได้คงที่อยู่ที่ 18 เปอร์เซ็นต์ และมีเงินสดเพิ่มขึ้นจาก 23.5 เปอร์เซ็นต์ เป็น 27.3 เปอร์เซ็นต์
การลงทุนในทางเลือกอื่น เช่น กองทุนเก็งกำไรต่างๆ ตราสารอนุพันธ์ เงินตราต่างประเทศ และสินค้าโภคภัณฑ์ของกลุ่มเศรษฐีทั่วโลกยังลดลงจาก 15.7 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 9.7 เปอร์เซ็นต์
ที่มา มติชนออนไลน์