ผู้ว่าฯกระบี่เรียก “ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว” เพิ่มมาตรการความปลอดภัยหลังกรณีสปีดโบ๊ต

เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกระบี่ พ.ต.ท.มล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เชิญผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อกำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน มาตรการก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ เพื่อให้มีประสิทธิภาพมายิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจ นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีการจัดตั้งศูนย์กระจายข้อมูลข่าวสาร ในการทำหน้าที่ในการกระจายข่าวเหตุการณ์ ให้มีความถูกต้อง ผ่านระบบการสื่อสารต่างๆ ให้มีข้อมูลไปในทิศเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อน

ด้าน นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารรา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ เข้าตรวจสอบความเรียบร้อย บริเวณท่าเทียบเรืออุทยานแห่งชาติฯ และบริเวณชายหาดนพรัตน์ ธารา และหาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ กำชับกับตันเรือ คนเรือและไกด์นำเที่ยว ในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เรือทุกลำจะต้องบรรทุกเกินที่กำหนด เรือทุกลำต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เสื้อชูชีพ และถังดับเพลิงประจำเรือจะต้องมีก่อนออกเดินทางไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก

โดยนายวรพจน์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบ๊ต คิงโพไซดอน ที่หน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพี ต.อ่าวนาง เมื่อวันที่ 14 ม.ค.61 ที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาลงเรือที่ท่าเทียบเรืออุทยานฯ เพื่อท่องตามเกาะแก่งต่างๆ ต่อเนื่อง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ และยังคงมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

ด้านความคืบหน้าคดี พ.ต.ท.เชษฐพันธ์ วิชัยดิษฐ์ สวญ.สภ.เกาะพีพี กล่าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร เกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์เรือสปีดโบ๊ต ของบริษัทจำหน่ายเครื่องยนต์ เรือสปีดโบ๊ต มาตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดระเบิด ไฟไหม้เรือ คิงโพไซดอล 959 ที่บริเวณกลางทะเลหน้าถ้ำไวกิ้ง หมู่เกาะพีพี เมื่อสองวันที่ผ่านมา ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการกู้ขึ้นมาจากน้ำ ลากมาขึ้นฝังที่เกาะพีพี เป็นเครื่องยนต์เรือ ขนาด 250 ซีซี 3 เครื่อง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่ สำหรับการตรวจสอบสาเหตุการระเบิดของเรือลำดังกล่าว ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเครื่องยนต์ที่ลากมาอย่างละเอียดก่อน แต่เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเตรียมตั้งข้อหาประมาทกับคนขับเรือและพนักงานในเรือ เพราะหลังสอบปากคำทุกคนในเรือให้การตรงกันว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุคนขับเรือรู้ว่ามีกลิ่นน้ำมันลอยออกมา แต่ยังขับเรือต่อไป แม้จะพยายามหาสาเหตุของกลิ่นน้ำมัน แต่ตำรวจระบุว่า ในทางหลักการหากพบความผิดปกติและไม่สามารถแก้ไขได้ทันที ควรหาเรือมาสับเปลี่ยนนักท่องเที่ยวก่อน

ขณะที่ส่วนความเป็นไปได้สาเหตุที่จะทำให้เรือระเบิด จากข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่า เรือระเบิดเพราะถังน้ำมันรั่ว ด้านผู้เชี่ยวชาญเรือสปีดโบ๊ต ระบุว่า โอกาสที่ถังน้ำมันจะรั่วแม้จะเป็นไปได้น้อย แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้น โดยปัจจัยที่จะทำให้ถังน้ำมันรั่ว นอกจากการเรือถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเรือ ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ หากผู้ดูแลเรือไม่ล็อกถังน้ำมันให้แน่นก่อนออกเดินเรือ ส่วนสาเหตุอาจเกิดจากสายน้ำมันรั่ว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ดูแลรักษา หรือไม่ได้ซ่อมบำรุงเมื่อถึงเวลา

ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่เข้าตรวจสอบซากเรือ ระบุว่าการตรวจสอบสาเหตุเรือระเบิดยากพอสมควร เนื่องจากซากเรือส่วนใหญ่ลอยไปกับน้ำหมดแล้ว โดยเฉพาะตัวถังน้ำมัน สายน้ำมัน หรือสายไฟต่างๆ การตรวจสอบหลังจากนี้อาจต้องเทียบเคียงกับเรือที่ใกล้เคียงกัน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์