ไม่พบ “ณิชา” โทรคุย “ปวีณา” สวมรอยเปิดบัญชี-ศูนย์ปราบแก๊งคอลฯเช็กข้อมูลติดต่อรูปแบบอื่น

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผู้ดูแลศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือศูนย์ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลคำให้การของนางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ถูกคนร้ายเป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำบัตรประชาชนไปขอเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่งรวม 9 บัญชี จนถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง โดยนางสาวณิชา เข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา โดยนางสาวณิชาสามารถตอบคำถามในหลายประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัย แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่านางสาวณิชามีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นในคดีดังกล่าวหรือไม่ สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นางสาวณิชาแจ้งความบัตรประชาชนหายถึง 3 ครั้ง จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขบวนการดังกล่าวหรือไม่นั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ที่เด็กวัยรุ่นจะทำบัตรประชาชนบ่อยครั้ง อาจมีหลายสาเหตุ เช่น บัตรประชาชนหายจริงๆ หรืออาจจะไม่พอใจรูปภาพใบหน้าในบัตรประชาชน

พ.ต.อ.พนัญชัย กล่าวต่อว่า สำหรับเงินในบัญชีของนางสาวณิชา ที่มีจำนวน 6 ล้านบาท นั้นตำรวจยังไม่ได้ข้อมูลในส่วนนี้ ได้ยินมาจากสื่อมวลชนเท่านั้น แต่หากตรวจสอบแล้วพบเงินจำนวนดังกล่าวจริง ก็เป็นเรื่องน่าสงสัย ส่วนเงินใน 9 บัญชีที่เป็นชื่อของนางสาวณิชา ที่ถูกนำไปเปิดบัญชี พบว่ามีเงินไม่ถึง 6 ล้านบาท ในวันนี้จะตรวจสอบข้อมูลทางการเงินที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ส่งมาให้ ทั้งนี้ทางตำรวจยังไม่พบข้อมูลความเชื่อมโยงของนางสาวณิชา รวมถึง นางสาวปวีณา สิงหวิบูลย์ ผู้นำบัตรประชาชนของนางสาวณิชาไปเปิดบัญชี และนายไซม่อน ส่วนกระแสข่าวที่มีการระบุว่า นางสาวณิชา ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนางสาวปวีณา ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลการพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ แต่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลการติดต่อในรูปแบบอื่นๆ ของทั้ง 3 คน หากพบความเชื่อมโยง จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที แต่ในกรณีของนายไซม่อนนั้น ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งโรแมนสแกม ขณะเดียวกันทางตำรวจยังพบความเชื่อมของนายไซม่อนและเครือข่ายโรแมนสแกม เป็นคนผิวสี ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ด้วย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์