ครม.อนุมัติ 350 ล้านบาท ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ที่กรุงเทพฯ
วันที่ 23 สิงหาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 พร้อมเห็นชอบกรอบวงเงินในการจัดประชุม จำนวน 350 ล้านบาท
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
โดยมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ลงนามในหนังสือแจ้งความประสงค์ในการเสนอเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งที่ 46 ถึงศูนย์มรดกโลก
ทั้งนี้ หากไทยได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ครม.เห็นชอบให้เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ลงนามในเอกสารเพื่อจัดทำความตกลงประเทศเจ้าบ้าน (Host Country Agreement : HCA) ร่วมกับผู้แทนจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)
โดยการพิจารณาการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 จะมีการพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 45 ซึ่งเดิมกำหนดจัดการประชุมระหว่างวันที่ 19-30 มิถุนายน 2565 ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย แต่เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ประธานกรรมการมรดกโลกได้มีหนังสือแจ้งรัฐภาคีว่า ให้เลื่อนการจัดประชุมครั้งที่ 45 ออกไปก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาการจัดประชุมครั้งที่ 45 แต่ยังคงอยู่ในช่วงปี 2565 นี้
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ตามแผนงานที่กำหนดไว้ หากไทยได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 จะจัดประชุมในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2566 เบื้องต้นคาดว่าจะจัดการประชุมที่กรุงเทพมหานคร
ซึ่งการจัดประชุมครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะการเป็นผู้นำในการดำเนินการภายใต้กรอบการดำเนินงานของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก รวมถึงจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงโครงการ กิจกรรม และข้อริเริ่มใหม่ ๆ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดและขยายความร่วมมือ รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ในการดำเนินงานและความร่วมมือกับองค์กรและนานาชาติต่อไป
นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างและขยายโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจากข้อมูลสถิติในการจัดการประชุมที่ผ่านมา ในการประชุมครั้งที่ 40-43 มีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งละไม่ต่ำกว่า 2,300 คน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต้อนรับผู้มาเยือน และมีเม็ดเงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ทั้งในการเดินทาง ที่พัก การท่องเที่ยว และค่าใช้จ่ายทั่วไป