“บิ๊กโจ๊ก” เปิดยุทธการ “อินทรีทมิฬ” ทลายเครือข่ายชาวต่างชาติ แฝงตัวก่ออาชญากรรมในไทย

เมื่อวันที่ 20 มกราคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.)พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ธีระเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.บช.ปส. ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) นำกำลังปฏิบัติการออกระดมกวาดล้างอาชญากรรม ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 15 จุด และปิดล้อมตรวจค้นซอยเพชรบุรี 15, 17 และ 19

ภายหลังจากปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 ราย ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 3 ราย เป็นชาวไนจีเรีย 2 ราย และชาวเซลล่าลีโอน 1 ราย จับกุมข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต จำนวน 4 ราย ชาวแคมเมอรูน 1 ราย อูกานดา 1 ราย เคนย่า 1 ราย และบังกลาเทศ 1 ราย และทำประวัติ ตรวจปัสสาวะ เก็บดีเอ็นเอ จำนวน 23 ราย เป็นชาวอูกานดา 8 ราย ไนจีเรีย 3 ราย ทานซาเนีย 7 ราย แอฟริกาใต้ 1 ราย โมซัมบิก 1 ราย บังกลาเทศ 2 ราย และ กาน่า 1 ราย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศโดยแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงส่งผลต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย เช่น กลุ่มเครือข่ายปลอมธนบัตร (Black Money) กลุ่มเครือข่ายหลอกลวงแต่งงาน (Romance Scam) กลุ่มเครือข่ายผลิตและปลอมบัตรเครดิต (Skimming) กลุ่มคนหลอกลวงนำเพชรปลอมมาจำหน่าย กลุ่มชาวต่างชาติที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มกระทำผิดอาชญากรรมต่างๆ และยาเสพติด รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ในประเทศโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาวิธีการกระทำความผิดให้มีความซับซ้อน และหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ผ่านมาตรวจค้นมา 13 ครั้ง รวมผลการปฏิบัติ BLACK EAGLE เข้าค้นทั้งสิ้น 260 จุด จับกุมได้ทั้งสิ้น 134 ราย

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์