ทรัพย์สินล่อตาล่อใจ รวบ3พนักงานขนถ่ายสัมภาระลักทรัพย์สินนทท.พร้อมของกลางนับ100รายการ แถมค้นบ้านพักพบยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง
วันนี้ (21 ม.ค.61) พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผกก.สภ.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายการบินแห่งหนึ่งในท่าอากาศยานภูเก็ตว่า มีสิ่งของและของใช้ส่วนตัวของผู้โดยสารสูญหายไปหลายรายการ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา หลังรับแจ้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สลาน สันติศาสนกุล สว.อก.สภ.สาคู ทำการสืบสวนมาโดยตลอด และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบแน่ชัดผู้ก่อเหตุคือใคร จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ภูเก็ต นำโดย พ.ต.ต.เอกชัย ศิริ สว.ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต และเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน คือ นายนิรุตต์ ศักดิ์ศรี อายุ 29 ปี ชาว จ.พิจิตร และ นายมาโนช นาคโพจิตร อายุ 30 ปี ชาว จ.พิจิตร ซึ่งเป็นพนักงานขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระของสายการบินดังกล่าว พร้อมทั้งได้นำมาตรวจค้นบ้านพัก ในพื้นที่ ต.สาคู อ.ถลาง พบของกลางเป็นจำนวนมากและได้ตรวจยึดมาทำการตรวจสอบ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
“จากการตรวจสอบภายในบ้านพักซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.สาคู อ.ถลาง พบผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือ นายชาคริต จันทร์ประเสริฐ อายุ 23 ปี ที่ชาว จ.พิจิตร พร้อมของกลาง ได้แก่ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุค โทรศัพท์มือถือ สุราต่างประเทศ นาฬิกา แว่นกันแดด เครื่องประดับและทรัพย์สินอื่นๆ รวม กว่า 100 รายการ เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันขโมยทรัพย์สินต่างๆ ของนักท่องเที่ยวจริง ขณะทำงานขนกระเป๋าในสนามบิน และมีการรับซื้อมาจากผู้อื่นด้วยส่วนหนึ่ง โดยแจ้งข้อกล่าวหานายนิรุตต์ฯ และนายมาโนชฯ ว่า ร่วมกันนำหรือพาของต้องห้ามต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายชาคริตฯ แจ้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”
พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผกก.สาคู กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าท่าอากาศยานภูเก็ต ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีการสุ่มตรวจพนักงานที่ทำการขนถ่ายสัมภาระ และมีผลการจับกุมมาตลอด แต่เนื่องจากการตรวจสอบทำได้ค่อนข้างลำบาก เพราะบางส่วนจะขโมยสิ่งของที่เป็นของใช้เล็กๆ น้อยๆ ทำให้ผู้โดยสารไม่ติดใจและบางครั้งก็ไม่ชัดเจนว่าสิ่งของหายที่ใด กระทั่งรายล่าสุดปรากฎว่ามีพัสดุที่จะต้องส่งต่อหายไป หลังรับแจ้งทางชุดสืบสวนไปตรวจสอบกล้องวงปิดจนพบผู้ต้องสงสัยดังกล่าว และนำไปตรวจค้นบ้านพักพบของกลางจำนวนมากดังกล่าว ซึ่งหลังจากนี้จะได้เพิ่มความเข้มในการสุ่มตรวจ และเชิญผู้ประกอบการรวมทั้งพนักงานขนถ่ายสัมมนามาอบรมเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวและโทษที่จะได้รับด้วย เพื่อเป็นการป้องปรามอีกทางหนึ่ง
ที่มา มติชนออนไลน์
