ปัญหาใหญ่เท่าช้าง ชาวบ้านชุมนุมหน้าอุทยาน จี้ไล่พลายไข่นุ้ยพ้นพื้นที่

ปัญหาระหว่าง คนกับช้าง มีมาตลอด โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ ช้างป่าบุกชุมชนเพื่อหาอาหาร จนไปทำลายเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่หน้าที่ทำการหน่วยอุทยานแห่งชาติเขานันที่ 6 คลองลำแพน ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านจากตำบลกรุงชิง ราว 100 คน รวมตัวกันประท้วง กรณีถูกช้างป่า ที่ตั้งชื่อให้ว่า พลายไข่นุ้ย บุกทำลายพืชผลการเกษตรต่อเนื่องมา 7 เดือนแล้ว

ชาวบ้านมาชุมนุมประท้วง จี้ย้ายช้างออกนอกพื้นที่ / khaosod

ชาวบ้านที่ไปชุมนุมประท้วง ถือแผ่นป้ายข้อความเรียกร้องให้ย้าย “พลายไข่นุ้ย” ออกจากพื้นที่ หลังช้างป่าตัวนี้ตระเวนอยู่ใน 10 หมู่บ้านที่มีพื้นที่สวนทุเรียนทวายกำลังใกล้เก็บเกี่ยวและทำลายพืชผลทางการเกษตรอื่น โดยที่เจ้าหน้าที่แก้ปัญหาให้ไม่ได้

พืชไร่ถูกช้างป่าเหยียบ

ก่อนหน้านี้ นายราชิต ราชประดิษฐ์ กำนันตำบลกรุงชิง พร้อมนายจริน จันทร์ชุม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิง และนายเชาวลิต สิทธิฤทธิ์ ผู้ประสานงานร่วมฝ่ายท้องที่และท้องถิ่น พยายามรวมตัวในการป้องกันพื้นที่แต่ไม่เป็นผลเนื่องจากไม่สามารถดำเนินการอะไรได้มากนักจากปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ร่องรอยที่พลายไข่นุ้ยบุกไร่

ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีโครงการนำช้างป่าตัวนี้กลับถิ่นเดิมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น (ครอบคลุมท้องที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอบ้านนาสาร และอำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี) แต่ยังไม่มีการดำเนินการ จนชาวบ้านที่เดือดร้อนต้องมารวมตัวกันเพื่อเร่งรัดเรื่องนี้

พลายไข่นุ้ย

นายเชาวลิตกล่าวว่า ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างมากมาตั้งแต่เมษายน 2565 จนถึงขณะนี้ พลายไข่นุ้ยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนช้างป่าแล้ว เพราะเข้ามาอาศัยหาอาหารในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กรมอุทยานฯมีแผนโครงการย้ายช้างพลายไข่นุ้ยออกไปยังถิ่นเดิม แต่ชาวบ้านที่เดือดร้อนยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการได้เมื่อไรจึงต้องเข้ารวมตัวเร่งรัดให้มีการดำเนินการ

ทั้งนี้ ชาวบ้านขีดเส้นว่า หากยังไม่แจ้งความคืบหน้าใน 7 วัน จำเป็นที่จะต้องไปรวมตัวยังที่ทำการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ต่อไป

สำหรับปัญหาช้างป่าบุกชุมชนที่อยู่อาศัยของคนเกิดขึ้นหลายพื้นที่แล้ว รวมถึงที่ จ.ปราจีนบุรี ช้างป่าไม่ต่ำกว่า 30 ตัวจากอุทยานทับลาน มรดกโลก ย่องตามหลังมากินข้าวเปลือก นาข้าว รอเก็บเกี่ยว ที่หมู่บ้านบุเจริญ หมู่ที่ 9 ต.แก่งดินสอ อ.นาดี

นายสามารถ แซ่ลิ้ม เจ้าของนาข้าวกล่าวว่า ช่วงเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 5 พ.ย. มีช้างตัวใหญ่ลงมาจากชายเขายืนกินข้าวที่กำลังแก่ รอการเก็บเกี่ยว จึงพากันจุดประทัดไล่ขึ้นเขาไป เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ข้าวที่เหลืออยู่ หลังถูกช้างบุกกิน

จากนั้นได้ขึ้นมาพักผ่อนที่บ้าน ได้ยินเสียงหมาเห่า จึงพากันส่องไฟสำรวจบริเวณชายทุ่งนาอีกรอบ จึงพบว่าช้างป่าตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังยืนกินข้าวเปลือกที่ตนเองเพิ่งเก็บ ตากแดดไว้ให้เมล็ดข้าวแห้งเปอร์เซ็นต์ความชื้นต่ำ รอขนใส่ถุงปุ๋ยเพื่อที่จะนำไปสีเป็นข้าวสาร

แม้ว่าตอนแรกได้ไล่ช้างขึ้นเขาไปแล้ว แต่ช้างฉลาด-เรียนรู้ทันมนุษย์ พอตนเองกลับมา ช้างก็เดินตามหลังมาย้อนกลับหวนกินข้าวเปลือกอีกรอบ คาดว่าจากนี้ ช่วงหนาวและแล้ง ต้องไปเฝ้าระวังช้างป่าเพิ่มมากขึ้น

ช้างแอบย่องกลับมาอีก

ปีที่ผ่านมาถึงฤดูเก็บเกี่ยวช้างป่าก็จะลงมากินข้าวทุกวัน แม้มียุ้งข้าวเก็บข้าวเปลือกไว้ ช้างก็พังฝายุ้งฉางข้าว ข้าวดึงข้าวเปลือกออกมากินหลาย 10 กระสอบ

ปีนี้จึงทำฝายุ้งข้าวถึง 3 ชั้น เพื่อป้องกันช้างป่าพังยุ้งข้าวเอาข้าวเปลือกไปกิน และยังพบว่า โขลงช้างป่าไม่ต่ำกว่า 30 ตัว อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อที่จะลงมาหากินในพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้จัดกำลังสกัดกั้นไม่ให้ช้างลงมายังด้านล่างแล้ว

……………