เปิดใจ “วิเชียร ชิณวงษ์” หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ นาทีจับประธานบิ๊กรับเหมา

นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เปิดเผยว่า สำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จะมีการจัดชุดลาดตระเวนโดยการใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว โดยกำลังพลชุดนี้เป็นกำลังพลชุดพิทักษ์ป่ามหาราช ได้ออกลาดตระเวนในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. ไปตรวจพบว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปกางเต็นท์พักแรม ซึ่งจุดที่กางเต็นท์อยู่ในเส้นทางที่ทางกรมอุทยานฯ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาศึกษาเส้นทางทางธรรมชาติได้ เพียงแต่ว่าการพักค้างแรมจะต้องพักอยู่ที่บริเวณที่ทำการจุดพิทักษ์ป่าเท่านั้น จะออกไปกางเต็นท์พักผ่อนตามอัธยาศัยไม่ได้โดยเด็ดขาด ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วลาดตระเวนไปพบ ก็ได้เข้าไปพูดคุยพร้อมกับให้คำแนะนำ ให้ไปกางเต็นท์พักแรมที่จุดพิทักษ์ป่า แต่การพูดคุยก็ไม่ได้รับการตอบสนองหรือไม่ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว ดังนั้น ทางชุดลาดตระเวนจึงวิทยุแจ้งมาที่หัวหน้าหน่วยให้ทราบ จากนั้นหัวหน้าหน่วยก็ได้รายงานให้ตนทราบตามขั้นตอน

นายวิเชียรกล่าวว่า ดังนั้นจึงสั่งการให้รองหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนำกำลังเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ประจำวันของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เขาเข้าใจและปฏิบัติตามแนวทางที่ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรกำหนด เมื่อไปถึงก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากกลุ่มดังกล่าวเช่นเดิม เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเดินตรวจสอบพื้นที่โดยรอบบริเวณจุดที่กางเต็นท์ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เสียงอาวุธปืนดังขึ้น จึงรีบเข้าไปตรวจสอบจุดที่ได้ยินเสียงปืน ปรากฏพบผู้ชายหนึ่งคน กำลังเล็งกระบอกไปไปที่สัตว์ป่าที่กำลังหากินอยู่บนยอดไม้ เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งให้หยุดเพื่อรักษาชีวิตของสัตว์ป่าที่กำลังถูกยิงเอาไว้ และได้ควบคุมชายคนดังกล่าวเอาไว้ได้

นายวิเชียร กล่าวว่า จากนั้นได้คุมตัวชายดังกล่าวมาสมทบรวมกันกับกลุ่มชายที่กางเต็นท์อยู่ และระหว่างทางเดินปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 ตกอยู่ และห่างจากจุดที่พบปลอกกระสุนประมาณ 15 เมตร ก็พบเศษชิ้นเนื้อลักษณะคล้ายกับเครื่องในของสัตว์กองอยู่พร้อมกับถุงใส่เกลือหล่นอยู่ จำนวน 2 ห่อ เจ้าหน้าที่ที่พบจึงเกิดเอะใจ เพราะตามปกติแล้วสำหรับเกลือไม่น่าจะมาตกหล่นอยู่ในป่า เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานได้ว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวน่าจะมีการล่าสัตว์ป่า และเมื่อนำตัวชายดังกล่าวมาถึงเต็นท์ เจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือจากทุกคนเพื่อขอให้เปิดกระเป๋า รวมทั้งกระติกน้ำแข็งให้เจ้าหน้าที่ดู ผลปรากฏว่า พบซากไก่ฟ้าป่า และเนื้อหมูป่าแช่อยู่ในถังน้ำแข็ง เมื่อพบสิ่งของดังกล่าวจึงเป็นสิ่งแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าเหตุการณ์นั้นเริ่มไม่เป็นปกติแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามค้นหาสิ่งเทียมประเภทอาวุธปืนว่าจะซุกซ่อนเอาไว้ตรงไหนบ้าง

นายวิเชียรกล่าวว่า จากนั้นจึงทำการตรวจค้นตัวชายคนที่ถูกจับได้ครั้งแรกพร้อมอาวุธปืน ปรากฏว่าที่กระเป๋ากางเกงมีกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 2 นัด และเข็มขัดบรรจุกระสุนปืนขนาด .22 คาดอยู่ที่เอวอีกประมาณ 50 กว่านัด ยิ่งพบของกลางมากขึ้น เจ้าหน้าที่ยิ่งเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้มีเจตนาไม่ได้มาท่องเที่ยวเพื่อศึกษาเส้นทางทางธรรมชาติ หรือเพื่อมาพักผ่อนอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจแบ่งกำลังกันออกค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย จนกระทั่งพบอาวุธปืนไรเฟิลรวมทั้งอาวุธปืนลูกซองเพิ่มอีก ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่ แต่ด้วยจากช่วงเวลานั้นดึกและมืดแล้ว จึงเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานค่อนข้างลำบาก จึงเชิญตัวบุคลทั้ง 4 มาที่สำนักงานที่ทำการเขตฯ ทุ่งใหญ่ เพื่อสอบถามข้อมูลนำไปประกอบการในการร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการกับคนกลุ่มนี้ตามกฎหมายได้หรือไม่ อย่างไร

จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนได้เดินทางกลับไปตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติมที่บริเวณกางเต็นท์ ปรากฏว่าพบถุงดำอยู่ 1 ถุงจึงเปิดออกมาดู พบซากหนังเสือดำอยู่ 1 ซาก ซุกซ่อนอยู่ภายใน ห่างไปประมาณ 5 เมตร พบเครื่องกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋าที่มีใบไม้ใบหญ้าทับเอาไว้ และห่างไปอีกประมาณ 5 เมตร คราวนี้เจ้าหน้าที่พบถุงอีก 1 ใบ ภายในเป็นเนื้อของเสือดำ หนักประมาณ 20 กิโลกรัม เมื่อได้ของกลางทั้งหมด จึงรวบรวมเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวตามกฎหมาย

นายวิเชียรกล่าวว่า ถามว่าชายคนที่ถูกคุมตัวครั้งแรกใช่นายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งหนึ่งใช่หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ขอให้เป็นให้เป็นขั้นตอนการพิสูจน์ของพนักงานสอบสวนจะดีกว่า แต่ระหว่างการเข้าจับกุมกลุ่มผู้ต้องหานั้น ไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นผู้บริหารบริษัทที่มีชื่อเสียงใหญ่โต แต่เมื่อจับกุมตัวมาแล้ว ก็ไม่ได้วิตกหรือเกรงกลัวกลุ่มใดเข้ามากดดันหรือแทรกแซงการทำงาน เพราะที่ผ่านมา นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ได้ให้นโยบายและกล่าวย้ำมาเสมอว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่จะต้องทำด้วยความจริงจัง โดยจะต้องไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้มีอิทธิพลโดยเด็ดขาด

“ส่วนตัวแล้วไม่ได้มีความหวั่นไหว และเชื่อว่าคณะเจ้าหน้าที่และทีมงานทุกคนก็ต้องการที่จะอยากเห็นภาพนี้ ภาพที่เกิดขึ้น และการทำงานรักษาป่า อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ของเราไม่ได้มีการจับกุมเฉพาะชาวบ้านที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น โดยคนที่มีความพร้อม หรือมีฐานะทางด้านการเงินที่ดี เมื่อพลาดเข้ามากระทำผิด เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุม การปฏิบัติก็ต้องเท่าเทียมกันกับชาวบ้านหรือประชาชนทุกคน” นายวิเชียรกล่าว

นายวิเชียรกล่าวว่า สำหรับสภาพความอุดมสมบูรณ์เรื่องสัตว์ที่มีอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในปัจจุบัน ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ในระดับ 1 ใน 10 ของประเทศ และที่นี่ถือว่าเป็นผืนป่าผืนใหญ่ เป็นมรดกโลกติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และมีแนวเขตติดต่อกับอีกหลายอุทยานฯ ซึ่งผืนป่าด้านตะวันตกมีเนื้อที่ประมาณ 11 ล้านไร่เศษ เพราะฉะนั้นสัตว์ป่าจึงมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ซึ่งบางครั้งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะมีสัตว์ป่าบางชนิดเกิดการขยายพันธุ์ขึ้นมา

นายวิเชียรกล่าวว่า ในส่วนปริมาณของเสือดำนั้น ตนขอใช้คำว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ก็ไม่ได้เพราะมันอาจจะกลายเป็นดาบสองคมสำหรับสัตว์ป่า แต่ก็พูดได้เต็มปากว่า เสือดำที่ถูกยิงนั้นยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกได้ 16 เดือน ก็ไม่เคยพบเห็นกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

ที่มา มติชนออนไลน์