
ตำรวจ ศปน.ตร. ทลายแก๊งปล่อยกู้ผ่านแอปพลิเคชั่น พบคิดดอกเบี้ยสูงสถึง 2,080% ต่อปี มีเงินสะพัดกว่า 2,500 ล้านบาท
วันที่ 19 ธันวาคม 2565 มติชน รายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ ผอ. ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) แถลงข่าวการทลายเครือข่ายลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชั่นกว่า 40 แอปพลิเคชั่น ซึ่งมีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ทวงถามหนี้โดยส่งข้อความข่มขู่คุกคามผู้เสียหาย
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นองคมนตรีคนใหม่ มีผลทันที
- เปิดความเป็นมาองคมนตรี 18 คน อำนาจหน้าที่และการดำรงตำแหน่ง
จากการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง โดยพิสูจน์ทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องและออกหมายจับผู้ต้องหา 23 หมาย ผู้ต้องหา 22 ราย และปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 22 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เชียงราย พะเยา ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์
จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งหมด 20 หมาย ผู้ต้องหา 19 ราย ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่”
ตรวจยึดของกลาง 7 รายการ ประกอบด้วย
- สมุดบัญชีเงินฝาก 5 เล่ม
- คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง
- บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 3 ใบ
- โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
- ซิมการ์ด 4 ซิม
- เราเตอร์ 1 เครื่อง
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 5 เครื่อง
- อายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้อง 33 บัญชี ยอดเงิน 5,293,869.77 บาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่าแอปพลิเคชั่น “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” และ “เซฟ เซอร์วิส” มีลักษณะคล้ายกัน โดยเมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น จะพบว่าภายในมีแอปพลิเคชั่นย่อยแอบแฝงอยู่กว่า 40 แอปพลิเคชั่น
ซึ่งลูกหนี้สามารถเลือกกู้เงินได้โดยคิดค่าบริการร้อยละ 40 ของยอดเงินกู้ ต่อ 7 วัน หรือคิดดอกเบี้ยกว่า ร้อยละ 2,080 ต่อปี เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลาก็จะโทรศัพท์ส่งข้อความทวงถามลักษณะข่มขู่คุกคามว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

จากการสืบสวนพบว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือนายทุนชาวจีนที่เป็นผู้รับผลประโยชน์และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้หลังจากที่เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้ มีความพยายามจะหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ถูกตำรวจ ศปน.ตร. และชุดปฏิบัติการส่วนกลางติดตามจับกุม
ในส่วนของแอปพลิเคชั่น “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” มีแอปพลิเคชั่นอื่นที่เกี่ยวข้องกว่า 20 แอปพลิเคชั่น ตรวจสอบพบว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับแต่อย่างใด ภายในระยะเวลา 6 เดือน กลุ่มคนร้ายใช้บัญชีธนาคารกว่า 20 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 1,000 ล้านบาท เมื่อได้กำไรจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบแล้วจะโอนเงินออกเป็นทอด ๆ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว
และในส่วนของแอปพลิเคชั่น เซฟ เซอร์วิส พบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับเช่นเดียวกัน โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชี 11 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และมีการโอนเงินออกเป็นทอด ๆ เช่นเดียวกันทั้งสองแอปพลิเคชั่นมีการนำกำไรดังกล่าวไปซื้อเป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าและบริการ เพื่อให้ยากต่อการถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ศปน.ตร.มีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้เข้าทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชั่น ซึ่งทำให้เข้าถึงผู้ที่ต้องการกู้ได้ง่ายมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยเช่นกัน แก๊งดังกล่าวจะเอามาใช้ในการข่มขู่เพื่อให้ผู้กู้ยินยอมชำระดอกเบี้ย ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายทุนชาวจีนที่อยู่เบื้องหลังดังกล่าวพร้อมยึดทรัพย์สินและบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิดได้
จากนี้จะสั่งการให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมที่ติดตามยึดอายัดเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะของการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

