เปิดผลสำรวจคนไทย วันวาเลนไทน์ 2566 คิดเห็นอย่างไรบ้าง ?

วันวาเลนไทน์ ความรัก ความคิด ทัศนคติ ผลสำรวจ

เปิดผลสำรวจปี 2566 คนไทยคิดเห็นอย่างไร ในประเด็นที่เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก วันที่ใครหลายคนแสดงความรักกับคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นแสดงความรักกับแฟน คนรัก สามี/ภรรยา เพื่อน เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัว

อย่างไรก็ตาม ปี 2566 นี้ มีหลากหลายปัจจัยรอบตัวที่น่าติดตามสำหรับวันแห่งความรักนี้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ยังน่ากังวล และความคิด ทัศนคติเกี่ยวกับความรักที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมผลสำรวจน่าสนใจจากสำนักโพลต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแห่งความรักในปี 2566

มุมมองความรักของคนไทย

สวนดุสิตโพล ร่วมกับหลักสูตรจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ทำการศึกษาในหัวข้อ “มุมมองความรักของคนไทย ณ วันนี้”

ผลสำรวจระบุว่า คนไทยในปัจจุบัน มีทัศนคดิ มุมมองต่อความรักแตกต่างจากสมัยก่อน และเปิดกว้างกับความคิดของกลุ่มคน LGBTQIA+ และกลุ่มคนต่างเชื้อชาติมากขึ้น

ขณะที่มุมมองความรัก กว่า 36% ยังมองว่าการมีความรักแบบคนรัก เป็นสิ่งจำเป็นมาก วิธีการหลักในการแสดงความรัก คือ การใช้เวลาและทำกิจกรรมร่วมกัน การอยู่เคียงข้าง แสดงความห่วงใย เป็นกำลังใจให้กัน และขอบคุณ ชื่นชมกัน ส่วนวิธีหลักในการรักษาและถนอมความรักของกันและกัน คือ การเข้าใจ รับฟังอย่างมีเหตุผล ให้เกียรติกัน และมีความรักที่มั่นคง ซื่อสัตย์ ไม่นอกใจ

ส่วนของขวัญและการใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์ ผลสำรวจระบุว่า คนส่วนใหญ่อยากได้ดอกไม้หรือช่อดอกไม้มากที่สุด และคาดการณ์ว่า วันวาเลนไทน์ จะมีการใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 1,528.95 บาทต่อคน

เปิดของขวัญ-สถานที่ที่คนอยากมอบให้ ช่วงวาเลนไทน์

ผลสำรวจของศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เปิดเผยว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่แน่ใจว่าจะมอบอะไรให้ แต่อยากพาคนที่รักไปร้านอาหาร

ขณะที่ในช่วงวันวาเลนไทน์ ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ อยากใช้เวลากับคนในครอบครัวและคนรัก ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 34.5%

ขณะที่ทัศนคติต่าง ๆ เกี่ยวกับความรัก มีความน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน โดยผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ มองว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานเป็นเรื่องปกติ และอยากให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน

ความรักยุคปัจจุบัน “รักคือความเข้าใจ” “รักคือความห่วงใย”

กรุงเทพโพลล์ ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจว่า สิ่งที่ตั้งใจจะทำให้คนรักมากที่สุดในช่วงวันวาเลนไทน์ คือ การทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น การไปกินข้าว การไปเที่ยว

ขณะที่รูปแบบความรักที่ใช้ในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่มองว่า ความรักคือความเข้าใจ และความรักคือความห่วงใย

นอกจากนี้ กรุงเทพโพลล์ยังเปิดเผยคนดังที่คนไทยอยากมอบดอกกุหลาบให้มากที่สุด โดยอันดับส่วนใหญ่ เป็นศิลปิน-ดาราแทบทั้งหมด ยกเว้นอันดับ 5 ของผลการสำรวจ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ

วาเลนไทน์และการใช้จ่ายของคนไทย

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจ ระบุว่า ส่วนใหญ่ คนกลุ่ม Gen Z ช่วงอายุ 13-23 ปี จะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากที่สุด ซึ่งการใช้จ่ายเพื่อฉลองวันวาเลนไทน์จะเน้นไปที่การซื้อของขวัญสำหรับมอบให้คนรักเฉลี่ยที่ 1,100 บาทต่อคน และมีการทานข้าวนอกบ้าน ซื้อดอกไม้ ไปดูหนัง และไปบ้านแฟน ที่มีมูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

โดยรวมการใช้จ่ายคาดว่าจะใช้จ่ายคนละ 1,848 บาท จากปีที่แล้วใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 1,176 บาท เพราะราคาสินค้าและบริการที่แพงขึ้น ตามค่าครองชีพ ส่งผลให้จะมีเม็ดเงินสะพัดในช่วงวันวาเลนไทน์ ปี 2566 นี้ 2,389 ล้านบาท ขยายตัว 15.50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวในปี 2562 จากสงครามการค้า ต่อเนื่องด้วยโควิด-19

นอกจากนี้ สำหรับบรรยากาศวาเลนไทน์ปีนี้ พบว่าส่วนใหญ่ 48.1% มองว่าเหมือนเดิม ขณะที่ 29.1% มองว่าคึกคักกว่าเดิม เพราะมีสถานที่เที่ยวมากขึ้น, คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น และผู้ปกครองไม่อยู่ ส่วนอีก 22.8% มองว่าคึกคักน้อยกว่าเดิม เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง และตกงาน

แม้ว่าส่วนใหญ่มองคึกคัก แต่คนยังระมัดระวังการใช้จ่าย เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และในเดือนมกราคมมีเทศกาลเฉลิมฉลองติดกันต่อเนื่อง ทั้งปีใหม่และตรุษจีน แต่เชื่อว่าปีหน้าวันวาเลนไทน์จะคึกคักมากกว่าปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวต่อเนื่อง