“ศรีสุวรรณ” สำรวจตึกเขาค้อ อึ้งโครงสร้างใหญ่โตเชื่อมีเส้นสายไม่ธรรมดา

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ความคืบหน้ากรณีการก่อสร้างอาคารตึก 3 หลังบนที่ดินราษฎรอาสาสมัคร(รอส.) เขาค้อ และอยู่ในเขตป่าสงวนฯที่ทหารขอใช้จากกรมป่าไม้ บริเวณบ้านส่งคุ้ม หมู่ที่ 12 ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ ซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าแต่ภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้นายทุนใช้เป็นข้ออ้างในการเดินหน้าก่อสร้างต่อ กระทั่งคณะเจ้าหน้าที่แจ้งให้หยุดก่อสร้าง ต่อมาฝ่ายทหารทำหนังสือถึงทางจังหวัดจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีใหม่ หลังพบเข้าข่ายการกระทำผิดหลาย พ.ร.บ.

ล่าสุดเวลา 11.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมคณะลงพื้นที่อ.เขาค้อ เพื่อเก็บข้อมูลอาคารตึก 3 หลังดังกล่าว โดยพบว่าบริเวณพื้นที่ก่อสร้างดังกล่าวปัจจุบันทางผู้รับเหมาได้หยุดทำการก่อสร้างแล้ว และพบว่ามีการติดป้ายระบุว่าเป็นสถานที่ก่อสร้างศูนย์เรียนรู้บริการนักท่องเที่ยวเพื่อการเกษตร

แต่ทั้งนี้จากขนาดโครงสร้างอาคารตึกที่มีความใหญ่มหึมาทำให้นายศรีสุวรรณถึงกับอึ้ง จากนั้นยังคาดการณ์ด้วยว่านายทุนรายนี้อาจจะมีเส้นสายใหญ่โตถึงลงทุนได้ขนาดนี้ นอกจากนี้ยังประเมินด้วยสายตาถึงเงินลงทุนที่ใช้ในก่อสร้างและตบแต่งหากเสร็จสิ้นอยู่ในราวหลัก 100 ล้านบาท จากนั้นคณะศรีสุวรรณยังเดินทางไปยังบริเวณจุดชมวิวหลังที่ทำการไปรษณีย์เขาค้อ เพื่อสำรวจดูสภาพสภาพรีสอร์ทและบ้านพักมุมสูง กระทั่งพบมีรีสอร์ทและบ้านพักซึ่งมีสีสันฉูดฉาดเป็นสีลูกกวาดผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด นอกจากนี้ยังพบอาคารตึกขนาดมหึมาอีกหลายแห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างแต่ยังไม่แล้วเสร็จ รวมทั้งอาคารรีสอร์ทบางแห่งซึ่งตั้งอยู่ในทำเลเขาสูงและอยู่ริมหน้าผาสูงชัน

จนนายสุวรรณถึงกับออกปากตั้งข้อสังเกตอีกครั้งถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม หลังทราบว่ายังไม่มีรีสอร์ทแม้แต่รายเดียวบนเขาค้อถูกสั่งให้รื้อถอนเหมือนกรณีรีสอร์ทภูทับเบิก โดยเฉพาะในการบังคับใช้กฎหมายบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งนายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เคยงัดขึ้นมาบังคับใช้กรณีรีสอร์ทภูทับเบิก จนมีรีสอร์ทหลายแห่งทั้งรายเล็กและรายใหญ่ถูกทุบรื้อถอนจนสะเทือนไปทั้งภูทับเบิก ทั้งนี้ทำให้นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ตั้งเป็นข้อสังเกตด้วยว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่สำรวจครั้งนี้เพื่อต้องการทราบข้อเท็จจริง หลังมี รอส.ร้องเรียนว่ามีกลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการมาก่อสร้างอาคารสูง เข้าข่ายกิจการโรงแรมรีสอร์ทและเกตเฮ้าท์ซึ่งไม่น่าจะถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดิน รอส.ที่ไปช่วยรบเพื่อให้เป็นที่ดินทำกินชั่วลูกชั่วหลาน แต่จู่ๆ ที่ดินเหล่านี้ ถูกเปลี่ยนมือถูกขายไปหรือถูกเช่าต่อเช่าช่วงซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไขชัดเจน และเมื่อพบเห็นข้อเท็จจริงแบบนี้ก็จะร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อให้เพิกถอนที่ดินแปลง รอส.ออกจากสิทธิครอบครอง รอส.ที่ทำผิดเงื่อนไข เพราะมีการซื้อขายเปลี่ยนมือให้กับนายทุนหรือบุคคลอื่นไปแล้ว

“หากผู้ว่าฯ ไม่ดำเนินการใดๆ ก็เป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องใช้สิทธิทางศาล ในการฟ้องร้องผู้ว่าฯแล้วให้ศาลเรียกผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ทกว่า 300 รายนี้เข้ามาไต่สวนว่า ผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ทเหล่านี้เป็น รอส.เจ้าของที่ดินเดิมหรือทายาท รอส.จริงหรือไม่ หากไม่ใช่ก็ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนออกทั้งหมด สิ่งเหล่านี้คือเป้าหมายในการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้” นายศรีสุวรรณกล่าว

 


ที่มา : มติชนออนไลน์