‘มานะ’ชี้ รัฐตั้งเป้าสวยหรู ดัชนีทุจริต ติด1ใน20โลก ถ้าไม่ลงมือ ก็แค่โกงความหวังปชช.

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ดร.มานะ นิมิตรมงคลไทย เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊กแสดงความเห็นประเด็นการคอร์รัปชั่นรวมถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติเกี่ยวกับการต่อต้านการคอร์รัปชั่น โดยระบุว่า “ไทยจะขึ้นอันดับ 1 ใน 20 ของโลก” มีรายละเอียดดังนี้

ป.ป.ช. ตั้งเป้าไว้ว่า การประเมินดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) ในปี 2564 ไทยต้องได้ 50 คะแนนเป็นอย่างน้อย ขณะที่แผนยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลก็วาดฝันว่า ในปี 2581 หรืออีก 20 ปีข้างหน้าไทยต้องติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลก นั่นคือต้องได้ 73 คะแนนเท่ากับญี่ปุ่น และต้องพัฒนาให้ดีกว่า เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฝรั่งเศสและอิตาลีในปัจจุบัน

แต่ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2538 – 2560) ผลการประเมินขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ประเทศไทยได้คะแนนเพียง 35 ไม่เคยเกิน 38 เลยสักปีเดียว มีขึ้นบ้างลงบ้างสลับกันไปจากคะแนนเต็มร้อยถือว่าสอบตกมาตลอด ขณะที่อันดับโลกก็มีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ

เมื่อเปรียบ ‘ความหวัง’ ที่ภาครัฐเขียนไว้ กับ ‘ความจริง’ ที่ผ่านมาแล้ว ทำให้สงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร จะเข้าลักษณะเขียนไว้ให้ดูดี หรือ ฝันให้ไกลไปให้ถึง

เรื่องเลวร้ายที่พบเห็นทั่วไปทุกวันนี้คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ เรียกรับส่วยสินบน รีดไถ วิ่งเต้นเส้นสาย ปกป้องช่วยเหลือเกื้อกูลพวกพ้อง ขณะที่การบังคับใช้กฎหมาย การเอาคนผิดมาลงโทษยังอ่อนแอและขาดความเป็นธรรม กลายเป็นสวะที่เร่งให้คอร์รัปชันงอกงาม จนไม่มีใครเชื่อว่าวิธีการและกลไกของรัฐแบบเดิมๆ จะเอาชนะมันได้

มีข้อเสนอว่า ถ้าจะปราบคอร์รัปชันให้ได้เราต้องลงมือให้จริงจังและเร็วกว่านี้ กลไกต้านโกงของรัฐที่มีอยู่ต้องพัฒนาและถูกตรวจสอบมากขึ้น ที่สำคัญกว่าคือ ต้องส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด เริ่มต้นจากการยอมรับในการมีส่วนร่วมคิดร่วมเสนอแนะ โดยต้องเปิดเผยข้อมูลของรัฐให้ทุกคนสามารถเข้าไปติดตามตรวจสอบได้ง่ายๆ ให้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี พร้อมปกป้องคุ้มครองมิให้ถูกคนโกงกลั่นแกล้งคุกคาม และที่ขาดไม่ได้คือผู้นำประเทศต้องเป็นแบบอย่างที่ดี

การที่รัฐตั้งเป้าหมายไว้สวยหรู หากไม่ตั้งใจลงมือทำก็เท่ากับหลอกลวงและโกงความหวังประชาชน จุดแข็งของสังคมไทยเวลานี้คือ ความตื่นตัวของประชาชนที่รังเกียจการโกงชาติและพร้อมร่วมมือเพื่อหยุดยั้งวิกฤตนี้เสีย ดังนั้นมาเริ่มกันเลยครับ

ที่มา มติชนออนไลน์