“บิ๊กตู่” หนุน “ยุวแรงงาน” เสริมประสบการณ์ทำงานช่วงปิดเทอม มีตำแหน่งรองรับกว่า 30,000 อัตรา

นายกรัฐมนตรี หนุน “ยุวแรงงาน” เสริมประสบการณ์การทำงานช่วงปิดเทอม มีผู้ประกอบกว่า 700 แห่ง ทั่วประเทศเข้าร่วม มีตำแหน่งงานรองรับกว่า 30,000 อัตรา เปิดรับสมัครตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม 2561

วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2561) เวลา 08.45 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบปะพูดคุยกับนักเรียน นักศึกษาและสถานประกอบการได้แก่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด บริษัทฟู้ดแพชชั่น จำกัด (บาร์บีคิวพลาซ่า) บริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือห้างบิ๊กซี ที่เข้าร่วมโครงการ “ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน” ซึ่งกระทรวงแรงงานจัดขึ้นเพื่อสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาชาติ 20 ปี ตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอม โดยทำงานในสถานประกอบการต่างๆ เพื่อเสริมประสบการณ์การเรียนรู้อาชีพ เพิ่มพูนทักษะก่อนเข้าสู่โลกแห่งการทำงานจริงภายหลังเรียนจบ โดยมี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงานร่วมด้วย

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวรายงานว่า โครงการ “ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน” มุ่งหวังส่งเสริมการมีงานทำให้นักเรียน นักศึกษาในช่วงปิดเทอม โดยเป็นการผนึกกำลังกันในรูปแบบ “ประชารัฐ” ระหว่างภาครัฐและเอกชน กล่าวคือกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ทำหน้าที่ประสานภาคเอกชน จัดหาตำแหน่งงาน ประสานสถานศึกษา เพื่อประชาสัมพันธ์และรับสมัคร นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมโครงการ โดยมีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานทำหน้าที่ฝึกอบรม และทักษะพื้นฐาน อาทิ หลักสูตรการทำงานเป็นทีม การมีจิตบริการ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นต้น ขณะที่สถานประกอบการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน การดูแลด้านสวัสดิการ การคุ้มครองด้านความปลอดภัยในการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีพี่เลี้ยงคอยแนะนำเกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ มีตำแหน่งงานรองรับกว่า 30,000 อัตรา รับสมัครตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม 2561 ระยะเวลาทำงาน 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม – 9 พฤษภาคม 2561

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับค่าตอบแทนไม่ต่ำกว่าชั่วโมงละ 40 บาท ทำงานไม่เกินวันละ 7 ชั่วโมง และจะได้รับการฝึกฝนและเพิ่มพูนทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการ สร้างประสบการณ์จากการทำงานจริงในสถานประกอบการ ฝึกความอดทน ระเบียบวินัย และเรียนรู้โลกอาชีพ เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานหลังเรียนจบ ทั้งยังมีรายได้ระหว่างการเรียน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และเห็นคุณค่าของเงินอีกด้วย ซึ่งจะทำให้เด็กมีพื้นฐานในการก้าวเข้าสู่วัยแรงงานที่มีคุณภาพ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป

จากนั้น นายกรัฐมในตรี ได้กล่าวขอบคุณการทำงานของทุกภาคส่วนที่ช่วยกันขับเคลื่อนโครงการนี้ และกล่าวให้กำลังใจเด็ก ๆ “ยุวแรงงาน” ว่า งานด้านการบริการความสำคัญคือ การพูดจา การบริการที่ดี ลูกค้ามีความสำคัญ และให้ความสำคัญในการบริการ พร้อมสร้างค่านิยมที่ดี ซึ่งคือส่วนหนึ่งในโครงการไทยนิยม คือนิยมทำความดีอย่างยั่งยืน