ทส.ดึงดีเอสไอ ช่วยตรวจเอกสารสิทธิ เปรมชัย รุกภูเรือ คาดมีมากกว่า 6,500 ไร่

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังจากที่กรมอุทยานฯตรวจสอบพบว่า งาช้างทั้ง 2 คู่ จำนวน 4 กิ่ง ที่นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานกรรมการบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดิเล๊อปเมนต์ จำกัด ครอบครอง และพบว่า เป็นงาช้างจากแอฟริกา รวมทั้ง ไม่ได้แจ้งครอบครองอย่างถูกต้องตามกฏหมาย นั้นสิ่งที่กรมอุทยานจะต้องดำเนินการต่อไปคือ ขอดูหนังสือแสดงสิทธิการครอบครองงาช้างทั้ง 2 คู่อีกครั้ง หากไม่มีก็ต้องริบเอาไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ก่อนแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 19 พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 ต่อไป ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.งาช้าง 2558 หากพบว่างาช้างที่นำมาขึ้นทะเบียนไม่ใช่งาช้างบ้านโดยมีผลดีเอ็นเอยืนยันชัด กรมอุทยานฯ ต้องทำหนังสือไปยังผู้ครอบครองให้ส่งมอบงาช้างเพื่อให้ตกเป็นของแผ่นดินภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ยินยอมส่งมอบก็จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท และอาจแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมในคดีอาญากรณีแจ้งข้อมูลเท็จนำงาช้างแอฟริกามาขึ้นทะเบียนเป็นงาช้างบ้านด้วย ทั้งนี้ที่ผ่านมาก่อนขึ้นทะเบียนงาช้างบ้านกับกรมอุทยานฯ ผู้ครอบครองต้องนำเอกสารหลักฐานการได้มาของงาช้างมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ หรือหากไม่มีหลักฐานการได้มา ก็ต้องเซ็นรับรองในแบบฟอร์มว่างาช้างดังกล่าวเป็นงาช้างบ้านจริง ซึ่งหากไม่แน่ใจก็สามารถตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอก่อนได้ โดยฝ่ายผู้ครอบครองจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจดีเอ็นเอ

ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ และหัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กล่าวถึงความคืบหน้า การเข้าไปตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่า 2484 ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ เพื่อเข้าไปสร้างบ้านพักตากอากาศ รวมทั้งสิ่งก่อสร้างอื่นๆว่า เบื้องต้นที่เข้าไปตรวจสอบนั้นพบว่า นายเปรมชัยและพวกบุกรุกพื้นที่ป่า สร้างสิ่งก่อสร้างไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครอง แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วจำนวน 6,200 ไร่ ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบขยายผล แจ้งความเพิ่มข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า ไม่มีเอกสารสิทธิการครอบครองอีก 2 คดี รวมทั้งหมดเป็น 6,500 ไร่

“ล่าสุดนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ให้ผมเป็นประธานคณะทำงาน ติดตามการช่วยเหลือคดีการบุกรุกพื้นที่ป่าภูเรือ ภูเปือย ภูขี้เถ้า กรณีของนายเปรมชัย และพวก ใช้กำลังเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้าไปช่วยเหลือ และเป็นแบ็คอัพ การทำงานตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีที่ว่า เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่ต้องไม่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว ให้มีทั้งกำลังเสริมและกำลังคอยสนับสนุนตลอดเวลา โดยล่าสุดนั้น คณะทำงานเราได้ประสานงานไปยัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อขอให้เข้ามาช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย”นายชีวะภาพ กล่าว

หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องให้ดีเอสไอ เข้ามาช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะ เมื่อได้ตรวจสอบแบบขยายผลแล้วพบว่า เรื่องการออกเอกสารสิทธิที่ดินนั้นมีความสลับซับซ้อนอย่างมาก การครอบครองที่ดินมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด ทั้งพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ และพื้นที่ ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ มีความเป็นไปได้สูงว่า น่าจะมีการบุกรุกพื้นที่มากกว่าที่ตรวจสอบแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 6,500 ไร่ แน่นอน โดยเวลานี้ ให้คณะทำงานในพื้นที่เก็บข้อมูล และส่งมาให้ดีเอสไอ และส่วนกลาง โดยหลังจากวันที่ 12 มีนาคม คณะทำงานส่วนกลางและดีเอสไอจะลงพื้นที่

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์