กรมควบคุมโรค แนะเฝ้าระวังฝีดาษวานรช่วง Pride month หลังติดเชื้อเพิ่ม 21 ราย

ฝีดาษวานร

กรมควบคุมโรคแนะเฝ้าระวังฝีดาษวานร หลังเดือนพฤษภาคมพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรเพิ่ม 21 ราย และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มชายรักชาย พร้อมเฝ้าระวังป้องกันในช่วงเดือน Pride month

วันที่ 1 มิถุนายน 2566 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ของประเทศไทย พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยรวม 43 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่โรคนี้ป้องกันได้โดยการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง

ประชาชนสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัยฝีดาษวานร หรือผู้ป่วยฝีดาษวานร หรือมีผื่น/ตุ่ม โดยมีเงื่อนไขดังนี้

1.มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษวานร ทางช่องทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือ ปาก

2.ทำความสะอาดห้องหรือใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยฝีดาษวานรขณะผู้ป่วยมีอาการ

3.เคยดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษวานรขณะป่วย ให้สังเกตภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น บริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ เจ็บคอ คัดจมูก หรือไอ มีผื่น หรือตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก หรือบริเวณรอบ ๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก

หากมีอาการให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาล โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงทันที

พร้อมแนะนําวิธีป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษวานร เช่น หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด รวมทั้งแนะนําให้ล้างมือบ่อย ๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรคขอความร่วมมือเครือข่ายที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน เช่น รพ. รพสต. คลินิกเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม สถานประกอบการสุขภาพ ประเภทสปา เป็นต้น

ในการประชาสัมพันธ์ความรู้ และคำแนะนําในการสังเกตอาการโรคฝีดาษวานรสำหรับประชาชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการป้องกันโรคฝีดาษวานรแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย

รวมถึงร่วมดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโรคฝีดาษวานร ตามแนวทางเฝ้าระวัง สอบสวนโรค และควบคุมการระบาดโรคฝีดาษวานร สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422