
“อนุทิน ชาญวีรกูล” ลงนามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินทุนส่งเสริมส่งเสริมกิจการของ อบต. เปิดทางให้ อบต.สามารถกู้เงินไปใช้จ่ายในการทำกิจการ-บริการสาธารณะได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่น เบิกจ่ายได้ตั้งแต่ 5 แสนบาทถึง 5 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยไม่เกินเกินร้อยละ 7 ต่อปี มีผลบังคับใช้ในอีก 60 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินทุนส่งเสริมกิจการองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2566 ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยให้มีคณะกรรมการเงินทุนส่งเสริมกิจการองค์การบริหารส่วนตำบล เรียกชื่อย่อว่า ก.ส.ต. ขึ้นมาชุดหนึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน และมีกรรมการชุดหนี่งที่ได้รับแต่งตั้งโดยตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสาระสำคัญของระเบียบฉบับดังกล่าวระบุว่าโดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินทุนส่งเสริมกิจการองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตำบลสามารถกู้เงินไปใช้จ่ายในการจัดทำบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถิ่นยิ่งขึ้น
สำหรับข้อ 4 ในระเบียบนี้
“เงินทุน” หมายความว่า เงินทุนส่งเสริมกิจการองค์การบริหารส่วนตำบล
“เงินสะสม” หมายความว่า เงินที่เหลือจ่ายจากเงินรายรับที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับไว้ภายในวันสิ้นปีงบประมาณ โดยรวมเงินสะสมคงเหลือจากปีก่อน ๆ ด้วย
ส่วนข้อ 18. ระบุว่า เงินที่จ่ายให้องค์การบริหารส่วนตำบลกู้ให้คิดดอกเบี้ยในอัตราที่ ก.ส.ต.กำหนด แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 7 ต่อปี
ข้อ 21 การจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและการก่อหนี้ผูกพันของสำนักงาน ก.ส.ต. กำหนดเงื่อนไขในการจ่ายเงินไว้ ดังนี้
1. จำนวนเงินที่จ่ายครั้งหนึ่งไม่เกิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) เป็นอำนาจของเลขานุการ อ.ส.ต.
2. จำนวนเงินที่จ่ายครั้งหนึ่งเกิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) แต่ไม่เกิน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) เป็นอำนาจของอนุกรรมการ อ.ส.ต. ซึ่งประธาน อ.ส.ต.มอบหมาย
3. จำนวนเงินที่จ่ายครั้งหนึ่งเกิน 5,000,000บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) เป็นอำนาจของประธาน อ.ส.ต.
ข้อ 22. การตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อใช้จ่ายตามข้อ 21 ให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายได้ไม่เกินร้อยละยี่สิบของเงินรายได้ของปีที่ผ่านมาแล้ว หลังหักจ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินฝากให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลตามข้อ19