บัวแก้วชี้รายงานสิทธิฯมุมมองสหรัฐฝ่ายเดียว ยันรัฐบาลยึดมั่นพันธกิจป้องสิทธิเสรีภาพ ปชช.

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับรายงานการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2561 ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยว่า รายงานดังกล่าวกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาจัดทำขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อรายงานต่อรัฐสภาสหรัฐอเมริกาตามกฎหมาย Foreign Assistance Act ค.ศ.1961 โดยรายงานประจำปีนี้เป็นรายงานฉบับที่ 42 ครอบคลุม 195 ประเทศ ใน 6 ภูมิภาคทั่วโลก ได้กล่าวถึงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม 2560 โดยไม่มีการจัดลำดับและไม่ระบุข้อเสนอแนะ

น.ส.บุษฎีกล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทย รายงานได้กล่าวถึงทั้งความก้าวหน้าและปัญหาท้าทายเช่นเดียวกับรายงานของประเทศอื่นๆ โดยปัญหาท้าทายบางเรื่องของไทยเป็นประเด็นที่เคยปรากฏอยู่ในรายงานฉบับก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกันรายงานได้ระบุถึงความก้าวหน้าของไทยซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินการอย่างจริงจังของรัฐบาล อาทิ การสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน การแก้ไขกฎหมายเพิ่มบทลงโทษผู้ใช้แรงงานเด็ก การจัดตั้งศูนย์ดูแลเหยื่อที่ถูกทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศในโรงพยาบาลรัฐ และการแก้ไขปัญหาคนไร้สัญชาติ เป็นต้น

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นมุมมองของสหรัฐอเมริกาแต่เพียงฝ่ายเดียว และจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูล สถิติ ข้อห่วงกังวลและกรณีศึกษาที่ไม่เปิดเผยและไม่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ในพิธีเปิดตัวรายงานดังกล่าว ซึ่งนายจอห์น เจ.ซัลลิแวน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเป็นผู้แถลง ก็มิได้มีการกล่าวพาดพิงประเทศไทยในการนำเสนอรายงานและในช่วงถาม – ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ก็ไม่มีผู้ใดสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยแต่อย่างใด

น.ส.บุษฎีกล่าวว่า รัฐบาลไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน และยึดมั่นการดำเนินการให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชนและสังคมไทย โดยรัฐบาลได้ประกาศให้ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ และได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน อาทิ การปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม การคุ้มครองสิทธิของแรงงานต่างด้าว การส่งเสริมความตระหนักรู้ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเคารพสิทธิมนุษยชนตามหลักปฏิบัติสากลภายใต้หลักนิติธรรม

 

 


ที่มา มติชนออนไลน์