ทหารระบุต้องดูเจตนากลุ่มขอคืนพื้นที่-ค้าน”บ้านพักตุลาการ”หากชุมนุมทางการเมืองทำไม่ได้

วันที่ 24 เมษายน พล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้วว่าจะมีการเคลื่อนไหวนัดชุมนุมของเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ในวันที่ 29 เมษายน ที่ลานประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ก็ต้องไปดูที่เจตนาว่ามีจุดประสงค์อย่างไร หากไม่กีดขวางการจราจร ก็สามารถทำได้ตามขั้นตอนของการชุมนุมในที่สาธารณะ ด้วยการขออนุญาตเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ยกเว้นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่สามารถทำได้ ส่วนกรณีนายนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำปิง ที่ประกาศออกมากางเต็นท์ ถือศีลอดหน้าศาลอุทธรณ์ภาค 5 เพื่อหาทางออกต่อกรณีนี้นั้น ก็จะมีการตรวจสอบดูว่าทำได้หรือไม่อย่างไรต่อไป

ทางด้านนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ประธานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 29 เมษายน จะเหมือนการออกมาส่งเสียงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังท่านได้รับข้อมูลผลสรุปของคณะทำงานที่ตั้งขึ้นโดยจังหวัดเชียงใหม่ เราจะออกมากันเยอะมากกว่า 1,000-2,000 คน เป็นอย่างน้อย จากประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับการประสานงานมาในขณะนี้ ส่วนการเคลื่อนไหวแบบแฟลซม็อบนั้นก็ยังมีอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ โดยในวันพุธ-พฤหัสบดีนี้ จะมีการออกไปแสดงกิจกรรมตามสถานที่และย่านชุมชนต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้าที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพื่อเชิญชวนออกมาร่วมแสดงพลังบริสุทธิ์ของประชาชนทุกกลุ่มต่อกรณีการทุบทิ้งบ้านพักตุลาการ

“สำหรับกรณีนายนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำปิงจะมาถือศีลอดหน้าศาลอุทธรณ์ภาค 5 นั้น ต้องย้ำก่อนว่านายนิคมไม่ได้อยู่ในกลุ่มเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ แต่อาจจะมีตัวแทนของเราเดินทางไปให้กำลังใจ เพราะมีแนวคิดในเรื่องการรักษาและปกป้องผืนป่าเหมือนกัน” นายธีระศักดิ์กล่าว

นายภราดร พรอำนวย หรือปอ ศิลปินที่เคลื่อนไหวเพื่อสังคม กล่าวแสดงความเห็นในฐานะคนรุ่นใหม่ว่า ผมอยากออกมาสื่อสารเรื่องนี้ให้คนทุกกลุ่มได้รับรู้ ผ่านการจัดกิจกรรมทางดนตรี เพื่อร่วมกันหาวิธีแก้ หรือหาทางออกร่วมกัน เพราะปัญหาบ้านพักตุลาการ หรือบ้านป่าแหว่งต้องรีบแก้ไข สังคมไทยกำลังพูดว่าเราต้องมีส่วนร่วม ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการใช้และอนุรักษ์ทรัพยากรในบ้านของเราเอง ผมไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบ เพราะกังวลว่าอาจจะเกิดบ้านป่าแหว่ง 1 , 2 , 3 ไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมารัฐไม่เคยถามประชาชนในพื้นที่เลยว่าจะสร้างบ้านในป่า ซึ่งไม่ถูกต้อง

“เสียงเล็กๆ ของทุกคนจะเป็นพลัง เพราะภาพที่เราเห็นเป็นเรื่องน่าเสียใจและเศร้าใจมาก พื้นที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่คนอยู่ แต่เรากลับจะปล่อยให้ถูกรุกราน ไม่เคารพคุณค่าของทรัพยากรทางธรรมชาติเลย แล้วต่อไปในอนาคตเราจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้อีกหรือ จากการพูดคุยกันพบว่าทุกคนรู้สีกอึดอัดใจ และไม่อยากเห็นการนำภาษีของประชาชนไปเสวยสุขอย่างนั้น การที่มีประธานศาลบางท่านออกมาบอกว่าขออยู่ 10 ปี ก่อนได้หรือไม่ หมายความว่าอะไร หมายความว่าท่านยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ใช่หรือไม่ ทั้งที่สำนักงานศาลยุติธรรมมอบอำนาจให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจแล้ว คำว่า 10 ปี มีนัยยะว่าขอข่มขืนลูกเมียก่อนนะ แต่อย่าพึ่งฟ้อง รอให้ท้องก่อนแล้วมาดูว่าลูกหน้าตาเหมือนใครอย่างนั้นหรือ แสดงว่าท่านไม่เข้าใจคุณค่าและความรู้สึกของประชาชนต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเลย” นายภราดรกล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์