สธ.เตือนเปลี่ยนผ่านฤดูร้อนไปฝน เสี่ยงป่วยไข้เลือดออกสูง หลังพบเสียชีวิต 12 ราย

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนสู่ฤดูฝน มีฝนตกชุกบางพื้นที่ จะมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสูงขึ้น ข้อมูลกรมควบคุมโรคในปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง 21 เมษายน 2561 มีรายงานผู้ป่วยไข้เลือดออก 7,536 ราย เสียชีวิต 12 ราย อัตราป่วยสูงสุดในภาคใต้ รองลงมาคือภาคกลาง แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะน้อยกว่า ช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากกรมควบคุมโรคคาดว่าในปีนี้จะมีผู้ป่วยสูงกว่าปี 2560 จำเป็นต้องเร่งดำเนินการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในโรงเรียนที่กำลังจะเปิดเทอม รวมทั้งจุดที่มักมองข้ามภายในบ้าน คือ แก้วน้ำ แจกันหน้าหิ้งพระ และศาลพระภูมิ ขอให้ล้างและเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์

”ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชน กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้าน โรงเรียน วัด ศาสนสถาน ซึ่งเป็นวิธีป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุด ใช้มาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาด โปร่ง โล่ง ไม่ให้มีมุมอับทึบ เป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะ เศษภาชนะรอบบ้าน ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ สำรวจภาชนะใส่น้ำ ต้องปิดฝาให้มิดชิดหรือปล่อยปลากินลูกน้ำ ป้องกันยุงลายไปวางไข่ เพื่อป้องกัน 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย รวมทั้งขอให้โรงพยาบาลทุกแห่งให้ความสำคัญกับการตรวจ วินิจฉัยผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง ให้คำนึงถึงโรคไข้เลือดออกด้วย และดูแลทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ไม่ให้มียุงลายไปกัดผู้ป่วย” นพ.โอภาสกล่าว

รองปลัด สธ.กล่าวอีกว่า หลังจากได้รับเชื้อจากยุงประมาณ 5-8 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย อุณหภูมิ 38.5-40.0 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 2-7 วัน อาการทั่วไปคล้ายเป็นหวัด แต่มักไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก หน้าแดง ปวดศีรษะ บางรายอาจมีปวดท้อง อาเจียน มีจุดแดงเล็กๆ ตามแขน ขา ลําตัว หากมีอาการไข้สูง 2 วัน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด ขอให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับสัญญาณอันตราย คือ ผู้ป่วยจะซึม อ่อนเพลียมาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบา เร็ว ปวดท้องกะทันหัน กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อยลง เลือดกําเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นสีดํา ขอให้รีบนําส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ให้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ลดการเสียชีวิต

 

ที่มา : มติชนออนไลน์