ศาลกระบี่ ตัดสินจำคุกนักธุรกิจชื่อดังเมืองกระบี่บุกรุกเกาะปอดะ

ผู้สื่อข่าว รายงานจากจังหวัดกระบี่ว่า ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยื่นฟ้องนายชวน ภูเก้าล้วน ประธานประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทศรีผ่องพาณิชย์ จำกัด นักธุรกิจชื่อดังในจังหวัดกระบี่ ในคดีบุกรุกสร้างรั้วลวดหนาม ที่เกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เมื่อปี 2559 โดยศาลได้ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ขณะที่จำเลยได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวด้วยวงเงิน 2 แสนบาท และเตรียมยื่นฏีกาสู้คดีต่อไป ซึ่งคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นได้ตัดสินยกฟ้องนายชวน มาแล้ว

สำหรับคดีเกาะปอดะ เป็นคดีที่ยืดเยื้อยาวนาน ตั้งแต่ปี 2528 กรมอุทยานแห่งชาติฯได้ยื่นฟ้องนายชวน ว่า ที่อ้างสิทธิครอบครองเกาะปอดะ โดยอ้างเอกสาร นส.3 ก ที่ออกโดยมิชอบ ต่อมาในปี 2554 ศาลฏีกา ได้ตัดสินให้นายชวน แพ้คดี โยเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ และให้รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออกจากพื้นที่ และในปี 2558 นายชวน โดยอ้างเอกสาร สค.1 อีก 1 ใบ อ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ กว่า70ไร่ ต่อมาในเดือน ก.ค.2560 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้นายชวนชนะคดี และได้ทำหนังสือให้อุทยานฯรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออก จากพื้นที่ ล่าสุดทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี

ขณะที่นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า หลังจากคณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ผู้เชี่ยวชาญของศาลยุติธรรมด้านวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผน ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมส่งเสริมการเกษตร ลงพื้นที่เกาะปอดะ ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อหาหลักฐานใหม่กรณีพิพาทระหว่างเอกชนกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์

โดยพบว่ากรณีที่โจทย์คือ นายชวน ภูเก้าล้วน อ้างว่าได้ทำประโยชน์บนเกาะปอดะเมื่อปี พ.ศ.2495 โดยมีหลักฐาน สค.1 เลขที่ 1 ใช้ยืนยันในการทำประโยชน์ แต่เมื่อผู้เชี่ยวชาญจากดีเอสไอตรวจสอบจากการแปรภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ออก สค.1 เลขที่ 1 พบว่าสภาพพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ นอกจากนี้จากการตรวจสอบอายุของต้นมะพร้าว ของนักวิชาการจากศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมส่งเสริมการเกษตร พบว่ามีอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งน้อยกว่าที่ทางเอกชนอ้างว่าปลูกมากว่า 65 ปี เป็นข้อมูล ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกอบการยื่นอุทธรณ์คดีนี้

หลังจากคณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ผู้เชี่ยวชาญของศาลยุติธรรมด้านวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผน ที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมส่งเสริมการเกษตร ลงพื้นที่เกาะปอดะ ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อหาหลักฐานใหม่กรณีพิพาทระหว่างเอกชนกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์ โดยพบว่ากรณีที่โจทย์คือ นายชวน ภูเก้าล้วน อ้างว่าได้ทำประโยชน์บนเกาะปอดะเมื่อปี พ.ศ.2495 โดยมีหลักฐาน สค.1 เลขที่ 1 ใช้ยืนยันในการทำประโยชน์ แต่เมื่อผู้เชี่ยวชาญจากดีเอสไอตรวจสอบจากการแปรภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ออก สค.1 เลขที่ 1

พบว่าสภาพพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ นอกจากนี้จากการตรวจสอบอายุของต้นมะพร้าว ของนักวิชาการจากศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมส่งเสริมการเกษตร พบว่ามีอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งน้อยกว่าที่ทางเอกชนอ้างว่าปลูกมากว่า 65 ปี เป็นข้อมูล ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกอบการยื่นอุทธรณ์คดีนี้ แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขอศาลอุทธรณ์ และพบเอกสารครอบครองสิทธิ์ที่ดิน สค.1 หมายเลข 2 ฉบับจริง ซึ่งเคยถูกคัดสำเนาไปใช้ขอยื่นออก นส.3 บนเกาะปอดะ และศาลฏีกาพิพากษาแล้วเมื่อปี 2554 ว่า สค.1 ฉบับดังกล่าว ขอออกโฉนดไม่ตรงกับแปลง

คือไม่ใช่ที่ดินบนเกาะปอดะ และขณะนี้ สค.1 หมายเลข 2 ฉบับเดียวกันนี้ ที่เป็นฉบับจริง กำลังถูกขอออกโฉนดที่พื้นที่บนฝั่ง ที่อ่าวไร่เลย์ หาก สค.1 เลขที่ 2 ฉบับนี้ อยู่อ่าวไร่เลจริง ก็เป็นไปได้ว่า สค.1 เลขที่ 1 ซึ่งกำลังพิพาทกับกรมอุทยานฯ ที่เกาะปอดะขณะนี้ น่าจะอยู่บริเวณเดียวกัน โดยข้อมูลนี้เป็นหนึ่งในประเด็นการยื่นอุทธรณ์ โดยเชื่อว่ากรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันพืชจะกลับมาชนะคดีอีกครั้ง