‘สมชัย’ ติง สรรหากกต.ใหม่ กระบวนการเร็ว ขาดความหลากหลาย กลายเป็นที่อยู่คนเกษียณ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กแสดงความเห็น หลังมีการเปิดเผย ผู้ได้รับคัดเลือกจากกรรมการสรรหา กกต โดยโพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กว่า กกต. 10 นาที ระบุว่า

นาทีนี้ต้องแสดงความยินดีต่อผู้ได้รับการคัดเลือกจากกรรมการสรรหาเป็น กรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 5 คน เชื่อว่าทุกท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ กระบวนการและผลการสรรหาดังนี้

1) ผู้ผ่านการสรรหา 4 ใน 5 คน มาจากคุณสมบัติตาม มาตรา 8(1)(ก) คือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการมาไม่น้อยกว่า 5 ปี อีก 1 คน มาจากมาตรา 8(1)(ค) คือ ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ไม่มีผู้ที่มีคุณสมบัติในวงเล็บอื่นๆเข้ามา เช่น (ข) ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ (ง) ผู้ประกอบวิชาชีพที่มีใบรับรองจากองค์กรวิชาชีพ เช่น ทนาย ครู (จ) ผู้มีความรู้ชำนาญการด้านบริหาร (ช) ภาคประชาสังคม เป็นต้น ทำให้ กกต.ชุดนี้ขาดความหลากหลาย และ กลายเป็นที่อยู่ของผู้เกษียณอายุจากราชการ

2) กระบวนการในการคัดเลือก ให้บุคคลที่ผ่านคุณสมบัติจำนวนทั้งหมด 24 คน จาก 33 คนเข้าแนะนำตัวคนละ 5 นาที และ ตอบคำถามคนละ 5 นาที รวม 10 นาทีต่อคน เริ่มประชุมตอนเช้า สัมภาษณ์เสร็จประมาณ 14.15 น. หลังจากนั้นลงคะแนนเลือกให้ได้คะแนน 2 ใน 3 คือ 5 เสียงขึ้นไป ประกาศผลเป็นเอกสารออกมาในเวลาประมาณ 16.30 น. น่าจะเป็นการใช้วินิจฉัยของกรรมการสรรหาที่ค่อนข้างรวบรัดไม่เหมาะสมกับการคัดเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งหน้าที่สำคัญของบ้านเมือง

3) ตามมาตรา 12 วรรคสามของ พรป. กกต. กำหนดให้การลงคะแนนของกรรมการสรรหาต้องลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องบันทึกเหตุผลของการลงมติ แต่ในเอกสารที่แถลงระบุเพียงว่า ผู้ผ่านการคัดเลือกได้คะแนนถึงสองในสามเท่านั้น ดังนั้น ผู้มีส่วนได้เสีย คือผู้สมัครที่ไม่ผ่านการคัดเลือก ควรขอใช้สิทธิในการดูผลการลงคะแนนที่ตนเองได้รับ และ ผลการลงคะแนนของผู้ที่ได้รับการคัดเลือก

ด้าน ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ หนึ่งในผู้สมัครสายประชาสังคม โพสต์ข้อความ ในเฟสบุ๊ก Laddawan Tantivitayapitak ว่า

“ส่งประวัติพร้อมผลงานไปรวม 500 หน้า มีประวัติทำงานเลือกตั้ง 20 ปี เลือกตั้งทั่วไป 12 ครั้ง สส. 9 ครั้ง สว. 3 ครั้ง เชื่อว่าประสบการณ์ตรงมากที่สุดในบรรดาผู้สมัครทุกคน แค่ไม่ได้อยู่ในสายตากรรมการสรรหามากพอ เลยไม่ผ่าน อาจเพราะภาคประชาสังคมไม่พึงอาจเอื้อมมาทำหน้าที่นี้”

 


ที่มา มติชนออนไลน์